คดีมันจะเงียบเกินไปหรือเปล่า?

อาทิตย์ก่อนมีคดีครึกโครม เกี่ยวกับพฤติกรรมของกลุ่มชายฉกรรจ์ที่อ้างตัวเป็นตำรวจชุดสืบสวน บช.ภ.2 ไปล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า 2 ชุดราคา 2,500 บาท จาก นายภาณุวัฒน์ สุบรรณ ณ อยุธยา อายุ 24 ปี

แต่หลังจากนัดรับของกันที่ปั๊มน้ำมันในพื้นที่พัทยาใต้ แสดงตัวเป็นตำรวจจับกุมผู้ต้องหาแล้ว 1 ใน 4 ชายฉกรรจ์ อ้างตัวว่าชื่อ “ผู้กองบอย” เริ่มเจรจาเรียกรับเงิน 40,000 บาทแลกกับการไม่นำตัวไปดำเนินคดี

เจรจาต่อรองเหลือแค่สร้อยข้อมือทองคำหนัก 1 บาท กับเงินอีก 5 พัน!

เหตุการณ์นี้เหมือนจะสมประโยชน์ ผู้ต้องหาไม่ต้องถูกดำเนินคดีข้อหาขายบุหรี่ไฟฟ้า กลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นตำรวจก็ได้เงินไปประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท

ถ้าไม่บังเอิญว่า นายภาณุวัฒน์จะไม่เป็นลูกชายของอดีตนายตำรวจระดับรอง ผบก.นายหนึ่ง!

ตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์ พ.ต.ท.กมล อัปการัตน์ รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา เอาผิดกลุ่มชายฉกรรจ์ข้อหากรรโชกทรัพย์

ตอนแรกตำรวจท้องที่ขึงขัง เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่า ผู้ต้องหาเป็นใคร อยู่ที่ไหน?

ตามข่าวน่าจะเป็นตำรวจจริงๆนั่นแหละ แต่หลังจากข่าวออกมาวันแรก เรื่องราวทั้งหมดก็หายเข้ากลีบเมฆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น?!

เป็นไปได้ยังไงที่คดีกลุ่มชายฉกรรจ์จับเหยื่อใส่กุญแจมือขึ้นรถร่อนไปทั่วพื้นที่เมืองพัทยารีดทรัพย์จะหายไปเฉยๆ ยิ่งถ้าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงด้วยแล้ว นอกจากคดีอาญาข้อหาฉกรรจ์ต้องถูกดำเนินการทางวินัยด้วย

ส่วนผู้เสียหายที่ว่า เป็นลูกชายของอดีตรอง ผบก. อย่างน้อยต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายศุลกากร มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ!

ถ้าจับมาดำเนินคดีทั้งคู่ คงอ่วมอรทัยเข็ดหลาบกันบ้าง?

...

ไม่เหมือนปล่อยปละละเลย ให้เดินสูบบุหรี่ไฟฟ้ากันเกลื่อนเมืองทั้งที่ผิดกฎหมาย!

คดีนี้ถ้ามองในแง่ดี ตำรวจกำลังดำเนินการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุม เอาผู้กระทำผิดทั้ง 2 ฝ่ายมาดำเนินคดีอยู่

คงไม่มีใครกล้าเอาหูไปนา เอาตาไปไร่หรอก คดีอาญามันดำดินไม่ได้นะครับ

รู้จักมั้ย ม.157 น่ะ?

"สหบาท"