ญาติเหยื่อไม่ติดใจเพิ่มให้40,000/ด.“เสี่ยเบนซ์” รอดคุก ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี ปรับ 1 แสนบาท โทษจำให้รอลงอาญาไว้ 3 ปี แต่ต้องเลิกดื่มตลอดชีวิต หลังเยียวยาครอบครัวเหยื่อกว่า 45 ล้านบาทจนไม่ติดใจเอาความ เจ้าตัวขอบคุณศาล ส่วนเงินของลูกสาว 2 คนที่จ่ายไป สถานพินิจเป็นคนดูแล แบ่งมาจ่ายให้เป็นรายเดือน เห็นว่าไม่น่าจะพอกับค่าใช้จ่าย เลยเพิ่มให้อีกเดือนละ 4 หมื่นบาท รวมระยะเวลา 8 ปี จนกว่าลูกสาวคนสุดท้องจะบรรลุนิติภาวะได้เงินมาบริหารจัดการเอง ฝากถึงดวงวิญญาณ “รองตี๋” และภรรยา ให้ไปสู่สุคติ ยืนยันจะดูแล ลูกสาวทั้ง 2 คนตามสัญญา jwplayer("archive_jwplayer_343173_85").setup({ file: "https://vod-archive.thairath.co.th/tr_bucket_archive/2019/07/31/343173/hls_index.m3u8" }); กรณีนายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 56 ปี เจ้าของบริษัทไทยคาร์บอนแอนด์กราไฟต์ จำกัด ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ เมาซิ่งรถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ อี 250 สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ษฮ 789 กรุงเทพมหานคร พุ่งชนรถยนต์ซูซูกิ สวิฟท์ สีขาว ทะเบียน 2 กก 3653 กรุงเทพมหานคร บนสะพานคลองตาปุ้น ถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก เป็นเหตุให้ พ.ต.ท.จตุพร หรือตี๋ งามสุวิชชากุล อายุ 48 ปี รอง ผกก. (สอบสวน) กก.2 บก.ป. และนางนุชนาถ งามสุวิชชากุล อายุ 44 ปีภรรยา เสียชีวิต ส่วน ด.ญ.พิชญาภา หรือน้องแพร งามสุวิชชากุล อายุ 12 ปี ลูกสาว บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเวลา 01.00 น. วันที่ 12 เม.ย. หลังเกิดเหตุตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดได้ถึง 260 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ พนักงานสอบสวน สน.ศาลาแดง แจ้งดำเนินคดี 3 ข้อหาส่งฟ้องศาล ต่อมานายสมชาย สำนึกผิดเจรจาชดใช้ค่าเสียหายให้ครอบครัวเหยื่อรวม 45 ล้านบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้นความคืบหน้าจากศาลจังหวัดตลิ่งชัน เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 31 ก.ค. ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีนายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาเดินทางมาฟังคำพิพากษาที่ห้องพิจารณาคดี 403 ศาลอ่านฟังคำพิพากษาคดีอัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรี 5 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสมชายเป็นจำเลย ฐานขับรถด้วยความเร็วเกินกฎหมายกำหนด ขับรถขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้รับอันตรายสาหัสและทรัพย์สินเสียหาย และขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้รับอันตรายสาหัสศาลพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดกรรมเดียวแต่หลายความผิด จึงลงโทษกรรมหนักสุดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก สั่งจำคุก 6 ปี ปรับ 200,000 บาท แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ สำนึกผิดและไม่เคยมีประวัติต้องโทษมาก่อน ศาลให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 3 ปี ปรับ 1 แสนบาท โทษจำคุกรอลงอาญา 3 ปี ระหว่างนี้ให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 8 ครั้งในรอบ 2 ปี รวมทั้งบริการสังคมและสาธารณประโยชน์ 48 ชั่วโมงในเวลา 1 ปี พร้อมทั้งห้ามดื่มสุรา โดยญาติผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความหลังศาลอ่านคำพิพากษา นายสมชายและครอบครัวผู้เสียชีวิตลงมาให้สัมภาษณ์ นายสมชาย กล่าวว่า ต้องขอบคุณศาลที่เมตตารอการลงโทษและขอบคุณญาติของผู้เสียชีวิตที่ให้อภัย ตั้งแต่คืนแรกยอมให้เข้าไปรดน้ำศพ จนถึงบวชหน้าไฟวันสุดท้าย ตนบอกกับตัวเองว่าต้องตอบแทนญาติผู้ตายให้ได้มากที่สุด หลังจากนี้จะเลิกดื่มแอลกอฮอล์ตลอดชีวิตตามที่สัญญาไว้กับแม่ผู้ตาย ส่วนเงินที่เยียวยาอยู่กับน้องๆทั้ง 2 คน ควบคุมโดยสถานพินิจ แต่ละเดือนให้เงินมาค่อนข้างจำกัด ตนเห็นว่าไม่พอจะช่วยโดยการให้เงินน้องพลอยและน้องแพรคนละ 10,000 บาท และค่าใช้จ่ายอื่นอีก 20,000 บาท รวม 40,000 บาทตลอด 8 ปี จนกว่าน้องแพร น้องคนเล็กบรรลุนิติภาวะ ถึงตอนนั้นน้องน่าจะดูแลตัวเองมีการมีงานทำ อยากบอกผู้ตายขอให้ดวงวิญญาณไปสู่สุคติ ไม่ต้องห่วงเพราะตนจะดูแลลูกๆให้ตามสัญญาด้าน น.ส.ขนิษฐา เลิศวรจักรพงษ์ อายุ 45 ปี ป้าน้องพลอยและน้องแพร กล่าวว่า ถ้าจะถามว่าพอใจกับคำตัดสินหรือไม่ ต้องบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเราไม่สามารถบอกได้ว่าพอใจหรือไม่พอใจ เราเริ่มจากการให้อภัย และคุณสมชายได้ขอโอกาสสำนึกตัวและโอกาสแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น คุณสมชายเข้าไปกราบแม่ที่เท้า แม่บอกว่าขอให้เลิกดื่มเลยนะ ทางเราก็ให้อภัย และคุณสมชายได้ขอโอกาสจากศาลและสังคมจะสำนึกผิด นอกจากนี้ขอขอบคุณทุกการช่วยเหลือและกำลังใจที่ทำให้เราก้าวข้ามผ่านวันที่ลำบากส่วน ด.ญ.พิชญาภา หรือน้องแพร งามสุวิชชากุล อายุ 12 ปี และ น.ส.ศุภาพิชญ์ งามสุวิชชากุล บุตรสาวคนโต หรือน้องพลอย อายุ 16 ปี เปิดเผยว่า ตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้น ให้อภัยนายสมชาย เพราะตนมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเกิดไปแล้ว การจะมา โกรธกันมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร ให้อภัยซึ่งกันและกันจะดีกว่า นอกจากการให้อภัยแล้ว เรายังได้รับกำลังใจจากเพื่อน ครอบครัว และเป็นกำลังใจให้กันและกัน จนสามารถที่จะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้