“ภารกิจเริ่มต้นบนเวหา สิ้นสุดที่พื้นพสุธา ในถิ่นทุรกันดาร”
คำกล่าวปลุกใจของตำรวจพลร่มในสมัยที่ยังทำสงคราม
และยังนำมาใช้กับพันธกิจของตำรวจพลร่มในปัจจุบัน
ในแต่ละปีจะมีเหล่าตำรวจผู้กล้าหลายร้อยนายเดินทางจากทั่วสารทิศ มุ่งหน้าไปยังค่ายนเรศวร เพื่อแย่งชิงและไขว่คว้าให้ได้มาซึ่ง “เครื่องหมายร่มดาวดำ” เพราะด้วยความที่เครื่องหมายอันทรงเกียรตินี้ มิใช่ว่าตำรวจทุกนายจะมีโอกาสได้ครอบครอง
ทว่า จะมีตำรวจเพียงไม่กี่นายที่สามารถฟันฝ่า ชิงความเป็นหนึ่ง จนมีโอกาสเข้าไปร่ำเรียน และต้องต่อสู้กับใจและกายด้วยสติ ให้ได้มาซึ่งเครื่องหมายอันทรงเกียรติ
...
“เครื่องหมายร่มดาวดำ” หรือที่ผู้คนในแวดวงข้าราชการทหาร ตำรวจ เรียกขานกันสั้นๆ ว่า “หลักสูตร SKY” และในชื่ออย่างเป็นทางการว่า “หลักสูตรการกระโดดร่มแบบกระตุกเอง”
ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ มีโอกาสได้ติดตามหลักสูตรดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และมีโอกาสพูดคุยกับ พ.ต.อ.รังสรรค์ เนตรเกื้อกิจ ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน หรือ “ผู้กำกับกบ” นายตำรวจมากประสบการณ์ด้านการกระโดดร่มที่ผู้คนในแวดวงตำรวจ ทหาร รู้จักกันดี
- กว่าจะเป็นผู้ถูกเลือก ไม่ใช่เรื่องง่าย! -
พ.ต.อ.รังสรรค์ ในฐานะผู้ช่วยผู้อำนวยการฝึกหลักสูตร SKY บอกเล่ากับทีมข่าวถึงความโหดหินในการคัดเลือกผู้ที่เข้ามาร่ำเรียนในหลักสูตรนี้ว่า “ค่ายนเรศวรแห่งนี้ เป็นสถานที่แห่งเดียวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่สามารถผลิตนักกระโดดร่มได้ ฉะนั้น จึงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่ใครสักคนหนึ่งจะมีโอกาสเข้ามาเรียนหลักสูตรนี้ เพราะในแต่ละรุ่นสามารถรองรับผู้เข้าเรียนได้เพียงแค่ 30-40 นายเท่านั้น แต่ความต้องการของผู้ที่มีความประสงค์เข้าเรียนมีมากถึงหลักพันคนต่อปี”
“อันดับแรก ผู้ที่จะเข้ามาเรียนหลักสูตรนี้ได้ ต้องเรียนจบหลักสูตรการฝึกกระโดดร่มแบบสายกระตุกคงที่ (ร่มกลม) มาก่อน จึงจะมีสิทธิ์เข้าเรียนหลักสูตรการกระโดดร่มแบบกระตุกเอง”
...
“จากนั้น ผู้ที่มีความประสงค์จะเข้าเรียน ต้องทดสอบกระบวนการการตัดสินใจของตนเอง โดยจะมีข้อสอบ 25 ข้อให้ทำ ซึ่งต้องทำให้เสร็จภายในเวลา 1 นาที และต้องถูกมากกว่า 15 ข้อ หากสอบตกก็ไม่มีสิทธิ์ได้เรียน กลับบ้านได้เลยครับ อย่างเช่นคนที่มาทดสอบ SKY รุ่นล่าสุดนี้ ก็สอบตกไป 7 คนครับ”
ส่วนผู้ที่ผ่านการทดสอบในด่านแรก จะต้องไปทดสอบสมรรถภาพร่างกายต่ออีกหลายด่าน โดยแบ่งออกเป็น 7 สถานี ดังต่อไปนี้
1.ดึงราว - คะแนนเต็ม คือ ต้องทำให้ได้ 20 ครั้ง
2.พุ่งเท้าหลัง - คะแนนเต็ม คือ ต้องทำให้ได้ 41 ครั้ง ภายใน 1 นาที
3.ดันพื้น - คะแนนเต็ม คือ ต้องทำให้ได้ 54 ครั้ง
4.ลุกนั่ง - คะแนนเต็ม คือ ต้องทำให้ได้ 79 ครั้ง ภายใน 2 นาที
5.ไต่เชือก - คะแนนเต็ม คือ ต้องทำให้ได้ 20 ฟุต
6.วิ่ง - คะแนนเต็ม คือ ต้องทำให้ได้ 1,600 เมตร ภายใน 6 นาที
7.ว่ายน้ำ - คะแนนเต็ม คือ ต้องทำให้ได้ 50 เมตร ภายใน 1 นาที
...
“ผู้ที่เดินทางมาที่นี่ ทุกคนต่างมีวัตถุประสงค์ในใจที่แตกต่างกัน บางคนอยากพิสูจน์ตัวเอง บางคนต้องการเป็นที่ยอมรับจากพี่น้อง เพื่อนพ้อง และผู้บังคับบัญชา เพราะการกระโดดร่ม เป็นภารกิจที่มีความเสี่ยงสูง ฉะนั้น ผู้เรียนทุกนายต้องมีใจที่สู้ มีความมุ่งมั่น จึงจะผ่านหลักสูตรนี้ไปได้ และมิใช่ว่าทุกคนจะทำได้” พ.ต.อ.รังสรรค์ กล่าวถึงแก่นแท้ของหลักสูตรดังกล่าว
...
- นายตำรวจใหญ่ ยังแกร่ง คุมความกลัว ท้าพสุธา -
นักเรียนกระโดดร่มแบบกระตุกเอง SKY01 นรวัฒน์ คำภิไล วัย 43 ปี (ผกก.สภ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น) เปิดใจกับทีมข่าวระหว่างอยู่ในห้วงการฝึกว่า วินาทีที่ทราบข่าวว่าผมคือผู้ที่มีรายชื่อเข้ารับการฝึก ยอมรับว่าดีใจมาก เพราะก่อนที่ผมจะเดินทางมาทดสอบร่างกายเพื่อเข้าเรียน ผมพยายามเตรียมร่างกายให้พร้อมที่สุดเท่าที่ร่างกายของผมจะสามารถดึงศักยภาพของตัวเองออกมาได้
“ถึงแม้ว่าร่างกายของผมจะพร้อมแค่ไหน การฝึกจิตใจให้มีความกล้าก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะสิ่งที่ผมต้องเผชิญ ล้วนต้องต่อสู้กับความกลัว ไม่ว่าจะเป็น กลัวความสูง, กลัวเสียงเครื่องบิน หรือกลัวสิ่งต่างๆ ที่ไม่คาดฝัน และด้วยสัญชาตญาณของคนเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะตกจากที่สูง ทุกคนต่างมีความกลัวอยู่แล้ว ซึ่งตัวผมเองก็กลัวเช่นกัน แต่ว่าเราต้องควบคุมสติ เอาชนะความกลัว และเอาชนะใจของตัวเองให้ได้”
เมื่อถามว่า หากเรียนจบหลักสูตรดังกล่าวไปแล้ว จะนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้อย่างไรกับหน่วยงานที่ตนเองสังกัด? นักเรียนกระโดดร่มแบบกระตุกเอง SKY01 นรวัฒน์ ให้คำตอบว่า แม้ว่าผมจะไม่ได้อยู่ในหน่วยงานที่ต้องใช้ทักษะความสามารถในการกระโดดร่ม แต่การฝึกหลักสูตร SKY นั้นถือว่า เป็นการเพิ่มศักยภาพของบุคลากรให้มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการตัดสินใจฉับพลัน, ความมีสติ และความเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง
“ในท้ายที่สุด ผมเชื่อว่าหลักสูตร SKY เป็นหลักสูตรที่ทุกคนใฝ่ฝันอยากจะมาเรียน เพื่อนำเครื่องหมายมาประดับหน้าอก เพราะหลักสูตรนี้มีทั้งความท้าทาย และเป็นหลักสูตรที่เพิ่มศักยภาพให้กับตัวเอง ฉะนั้น คุณต้องมีร่างกายที่พร้อม มีใจที่กล้า และคุณจะสามารถทำมันสำเร็จได้ในที่สุด” นักเรียนกระโดดร่มแบบกระตุกเอง นรวัฒน์ กล่าวอย่างภาคภูมิ
- ดอกไม้เหล็ก กลางหมู่ชายแกร่ง -
นักเรียนกระโดดร่มแบบกระตุกเอง SKY07 อาทิตยา ภิบาล (ร.ต.อ.หญิง สภ.เมืองนนทบุรี) เปิดใจกับทีมข่าวว่า ความเป็นผู้หญิง มิใช่อุปสรรคในการเรียนหลักสูตร SKY เพราะหลักสูตรนี้ต้องใช้ใจ สติ และสมอง
“แม้ว่าระหว่างการฝึกอาจจะมีเหนื่อยบ้าง กลัวบ้าง กังวลบ้าง แต่เราต้องควบคุมทุกอย่างที่เกิดขึ้นในใจให้ได้ เพราะหลักสูตรนี้เมื่อใจมาก่อน เดี๋ยวกายจะตามมาเอง” หญิงแกร่งจาก SKY 1/62 บอกเล่ากับเราแบบนั้น
เมื่อถามถึงบรรยากาศ และความรู้สึกก่อนกระโดดลงมาจากเครื่องบิน เธอบอกเล่าว่า “บรรยากาศบนเครื่องบินก่อนทำการกระโดดร่มลงมา เงียบสนิท หากจะมีก็แต่เสียงเครื่องที่ดังเข้ามาภายในห้องโดยสาร เพื่อนหลายคนหลับ บางคนนั่งนิ่งเงียบไม่ไหวติง บางคนเมาเครื่อง บางคนสวดมนต์ ส่วนตัวเราเอง ในใจจะมีความกังวลว่า ท่าทางการโดดของเราจะดีไหม ท่าทางของเราจะทำให้ร่มกางออกมาอย่างเต็มประสิทธิภาพไหม”
“เมื่อใกล้ถึงเวลาที่ต้องกระโดดลงมา เราจะหายใจลึกๆ เพื่อควบคุมสติ ละทิ้งความกังวลทุกอย่าง และบอกกับตัวเองว่า เราจะต้องมั่นใจในอุปกรณ์ มั่นใจในครูฝึก มั่นในในเพื่อนร่วมทีม จากนั้นก็โดด พอได้โดดเท่านั้นแหละ มันจะติดลม แล้วเราก็เปิดร่ม ทุกอย่างที่เราเรียนและนำมาปฏิบัติอย่างมั่นใจ มันจะทำให้เราลงสนามอย่างปลอดภัยทุกครั้ง” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม
นอกจากนี้ นักเรียนกระโดดร่มแบบกระตุกเอง SKY07 อาทิตยา ยังบอกเล่ากับเราอย่างภาคภูมิอีกว่า “หลักสูตรนี้มีผู้ที่ต้องการมาเรียนเป็นจำนวนมาก ฉะนั้น การแข่งขันจึงสูง และไม่ใช่เรื่องง่าย ย้ำว่าไม่ง่าย ซึ่งเราเป็นตำรวจคนเดียวใน นรต.68 และเป็นนายร้อยตำรวจหญิงคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่มีเครื่องหมายร่มดาวดำอันทรงเกียรตินี้”
- มุ่งมั่น ลงมือทำ! ทหารเรือหนึ่งเดียวในประวัติศาสตร์ SKY ตร. -
นักเรียนกระโดดร่มแบบกระตุกเอง SKY18 ชาตรี ทองทับทิม วัย 27 ปี (จ่าเอก นาวิกโยธิน กองทัพเรือ) ทหารเรือคนแรกและคนเดียวที่สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการข้ามห้วยมาเรียนหลักสูตร SKY เปิดใจกับทีมข่าวว่า หลังจากเรียนจบจากหลักสูตรส่งทางอากาศ นาวิกโยธิน (ร่มกลม ปี 2560) เป็นที่เรียบร้อย ผมจึงค้นพบว่าตัวผมเองมีความชื่นชอบในการกระโดดร่ม และตั้งเป้าหมายกับตัวเองไว้ว่า หากในอนาคตมีโอกาสที่ตนเองจะสามารถเพิ่มศักยภาพในด้านนี้ได้ ไม่ว่าอย่างไร ผมจะต้องขวนขวาย ตั้งใจ เตรียมร่างกายให้พร้อม เพื่อที่สักวันหนึ่งในชีวิต ผมจะสามารถคว้าโอกาสใดๆ ก็ตามที่ผ่านเข้ามาให้ได้
“กระทั่งได้ทราบข่าวว่า หลักสูตร SKY ของเหล่าตำรวจเปิดให้มีการทดสอบร่างกายเพื่อคัดเลือกข้าราชการตำรวจไปร่ำเรียน เพื่อเพิ่มพูนทักษะความสามารถในการกระโดดร่ม ผมจึงบอกกับตัวเองว่า หากเราปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไป ผมต้องมานั่งเสียใจทีหลังแน่นอน แม้ความท้าทายครั้งนี้อาจหนักหนา และยากกว่าครั้งไหนๆ เพราะนี่ไม่ใช่เหล่าที่ผมสังกัด พูดให้เห็นภาพเข้าใจง่ายๆ คือ ไม่ใช่ถิ่นผม แต่สุดท้ายผมต้องลงมือ ทำเต็มที่ (ทดสอบร่างกาย) และต้องลองวัดกันดู ได้เรียนหรือไม่ได้เรียนไม่เป็นไร แต่ผมต้องไม่มานั่งเสียใจทีหลัง”
สุดท้าย เขาทำตามความฝันของเขาได้สำเร็จ มิหนำซ้ำ SKY18 ชาตรี ทองทับทิม ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเรียนที่มีท่าทางการฝึกโดดเด่นอันดับต้นๆ ของรุ่น จนครูฝึกและเพื่อนร่วมรุ่นหลายท่านชื่นชมในศักยภาพและความตั้งใจจริงของเขา
เมื่อถามว่า หากเรียนจบหลักสูตรดังกล่าวไปแล้ว จะนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้อย่างไรกับหน่วยงานที่ตนเองสังกัด? นักเรียนกระโดดร่มแบบกระตุกเอง ชาตรี ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอย่างชายชาติทหารว่า “แม้ว่าผมจะไม่ได้สังกัดในหน่วยที่ใช้งานด้านการกระโดดร่มโดยตรง แต่สิ่งที่ผมได้รับ และสามารถนำไปปรับใช้ก็คือ ความกล้าหาญ ภาวะผู้นำ และการตัดสินใจในขณะวิกฤติ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นสิ่งที่สอดแทรกอยู่ในหลักสูตร และผมได้ซึมซับเพื่อที่จะนำมันไปปรับใช้ในหน่วยของผม และถ่ายทอดตรรกะเหล่านี้ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาต่อไป”
- ฝึกจบไปนำไปใช้อะไร? -
พ.ต.อ.รังสรรค์ ในฐานะผู้ช่วยผู้อำนวยการฝึกหลักสูตร SKY บอกเล่าให้ทีมข่าวฟังให้เห็นภาพว่า “หลักสูตร SKY ฝึกความกล้า หากเราไม่มีความกล้า เราก็คงไม่กล้ากระโดดลงมาจากเครื่อง ถ้าถามว่า จบหลักสูตรนี้ไป จะไม่กลัวอะไรเลยมั้ย คำตอบคือไม่ใช่ ถ้าไม่กลัวอะไรเลยก็คงจะมีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละ แต่คนที่มีความกลัว และยังกล้าที่จะทำในสิ่งนั้นอย่างมีสติ นั่นถึงจะเรียกว่า เป็นคนที่มีความกล้าหาญ”
“การกระโดดร่ม พอขึ้นเครื่องบินไปแล้ว ไม่มีใครบังคับให้คุณกระโดดลงมา แต่มันเป็นภารกิจในใจที่คุณสั่งตัวเองให้ทำมันให้สำเร็จ เปรียบเสมือนกับการที่คุณออกไปทำงานช่วยเหลือประชาชน บางทีงานมันเสี่ยง บางทีมันอันตราย และเมื่อคุณทำไปแล้ว บางทีก็ไม่มีใครเห็นคุณงามความดีอะไรของคุณ แต่คุณก็กล้าที่จะทำ เช่น กล้าที่จะช่วยคนจมน้ำ กล้าที่จะช่วยคนที่เดือดร้อน กล้าที่จะติดตามไล่ล่าคนร้ายที่มีอาวุธ วินาทีนั้นคุณไม่ได้คิดถึงชีวิตเท่าไหร่หรอกครับ แต่คุณกล้าหาญ คุณคิดถึงภารกิจเป็นอันดับหนึ่ง เพราะในใจคุณมันสั่งว่าต้องทำให้สำเร็จไงครับ” พ.ต.อ.รังสรรค์ ทิ้งท้าย
"หน้าที่ของเราเริ่มต้นบนเวหา สุดทางของเราคือถิ่นทุรกันดาร
ณ ที่นั้นยังมีพี่น้องชาวไทยอีกมากที่ยังรอรับความช่วยเหลือจากเรา"
นี่คือสิ่งที่พวกเขาท่องจำ...