นายกนักประดิษฐ์ เผย เป็นข่าวดี 'สุวิทย์' นั่ง รมว.อุดมศึกษาฯ ชี้ เป็นเหมือน 'หมอตำแย' ทำคลอดกระทรวง ขับเคลื่อนงานได้ไม่สะดุด แนะ อย่าหลงสร้างแต่งานวิจัย ควรส่งเสริมงานประดิษฐ์เชิงพาณิชย์ด้วย
วันที่ 14 ก.ค. นายภณวัชร์นันท์ ไกรมาตย์ นายกสมาคมนักประดิษฐ์และนวัตกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ว่า ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องในการสร้างงานนวัตกรรม เพราะนายสุวิทย์ถือเป็นผู้ที่มีแนวคิดและเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการก่อตั้งกระทรวงดังกล่าวตั้งแต่ต้น
"ตามเหตุผล 4 ข้อ ที่ทางท่านสุวิทย์อธิบายว่าในการตั้งกระทรวงดังกล่าว เพื่อเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 เตรียมผู้ประกอบการสู่ศตวรรษที่ 21 ไม่ว่าจะเป็นสตาร์ทอัพ และเอสเอ็มอี เตรียมเกษตรกรสู่สมาร์ทฟาร์มเมอร์ และประเทศไทยกำลังเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งต้องพัฒนาทั้งกำลังคนและเทคโนโลยี รวมทั้งหน่วยงานวิจัยของประเทศก็กระจัดกระจายและซ้ำซ้อน ดังนั้นรัฐบาลต้องการจัดองคาพยพใหม่เพื่อตอบโจทย์ไทยแลนด์ 4.0 ดังนั้นการที่ได้คนที่มีบทบาทตั้งแต่ต้นเปรียบเสมือน 'หมอตำแย' ทำคลอดกระทรวงนี้ มาเป็นเจ้ากระทรวง ถือเป็นเรื่องดีเพราะจะทำให้การขับเคลื่อนในเรื่องสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมของไทย ไม่เกิดการสะดุดตามการเปลี่ยนตัวผู้บริหาร และสามารถผลักดัน 4 เหตุผลข้างต้นได้ เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวม" นายภณวัชร์นันท์ กล่าว
นายภณวัชร์นันท์ กล่าวด้วยว่า ตนอยากเสนอแนะและแนะนำรัฐมนตรี อ.ว. จำนวน 3 ข้อ ได้แก่
1) อยากให้ทางรัฐมนตรีฯ สั่งการให้ผู้อำนวยการ สอวช. นำสิ่งประดิษฐ์ที่ได้รับรางวัล สภาวิจัยแห่งชาติตั้งแต่ปี 2518 นักประดิษฐ์ที่สร้างสรรค์ผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ ซึ่งเป็นทุนของประเทศที่ลงทุนไว้ตั้งแต่ปี 2518 เพื่อนำมาพัฒนาต่อยอดเพิ่มศักยภาพให้เกิดความโดนเด่นเป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชน
...
2) ส่งเสริมจัด ให้ทุนสนับสนุน เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ และสั่งการให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช. และกรมวิทยาศาสตร์ บริการ ออกแบบคู่มือทดสอบ รับรองผลิตภัณฑ์ และขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยฯ เพื่อให้เป็นพัสดุที่รัฐต้องส่งเสริมสนับสนุน
3) ให้สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน สั่งให้หน่วยงานของรัฐตั้งงบประมาณประยุกต์ใช้ในหน่วยงานของรัฐ เพื่อสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ มั่นคง มั่งคั่งยั่งยืน แก้จน สร้างคน สร้างชาติ ผลักดันให้เกิด “สตาร์ทอัพ” ใหม่ๆ จะเป็นอีกกลไกที่จะช่วยผลักดันประเทศไทยไปสู่ประเทศไทย 4.0 และจะเกิดการพลิกพื้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว
"กระทรวง อว.อย่าสับสนหลงทาง ไปโฟกัสงานวิจัยมากเกิดจนลืมสิ่งประดิษฐ์ เพราะสิ่งประดิษฐ์เท่านั้นที่จะพัฒนาเข้าสู่เชิงพาณิชย์ เป็นวัตกรรมของชาติไทย และเป็นโมเดลธุรกิจสตาร์ทอัพ” (Startup) ได้ เมื่อเกิดสตาร์ทอัพ” (Startup) จะเกิดการจ้างงาน เกิดการผลิต เกิดการค้าขาย เกิดสภาพเศรษฐกิจหมุนเวียนภายในประเทศ ยังสามารถส่งออกจำหน่ายยังต่างประเทศ นำเงินตราต่างประเทศ เพื่อทำให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชาติ จะเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในเชิงบวก จะเกิดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจแบบฉับพลันต่อเนื่องแบบพลวัตร สังคมไทยจะมีนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาแก้ปัญหาสภาพบ้านเมืองให้ได้ใช้ชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย หาก รัฐมนตรีหลงประเด็นจะถูก เพราะงานเปิดบ้าน วช. นายกสมาคมฯ มองเห็นว่า งานสิ่งประดิษฐ์ที่พัฒนาเป็นนวัตกรรมไทย ฝ่ายบริหารของกระทรวงนี้ไม่ให้ความสำคัญที่จะนำมาพัฒนาต่อยอดเข้าสู่เชิงพาณิชย์ และกลับโฟกัสไปที่งานวิจัยใช้งบและนำงานวิจัยไปขึ้นหิ้งแบบเดิมจะไม่มีทางเห็นผลเป็นรูปธรรม เพราะงบวิจัยมันหอมหวานน่ารับประทานที่สุดในงานวิจัย" นายภณวัชร์นันท์ กล่าว.