เป็นเวลากว่า 1 ปี มีความเคลื่อนไหวเรียกร้องให้นำร่าง "ซีอุย แซ่อึ้ง" หรือนายลีอุย แซ่อึ้ง ชายชาวจีน ซึ่งถูกประหารชีวิตเมื่อ 60 ปีก่อน ออกจากพิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์สงกรานต์ นิยมเสน ของ รพ.ศิริราช และให้ถอดป้ายชื่อ "มนุษย์กินคน" ออก เพื่อคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความยุติธรรมให้ซีอุย พร้อมให้ทำพิธีฌาปนกิจร่าง

กระทั่งคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้พิจารณาการจะฌาปนกิจร่างซีอุย โดยรวบรวมเอกสารสำคัญ ได้แก่ ใบมรณบัตร ใบส่งมอบร่างจากรมราชทัณฑ์ เพื่อให้การฌาปนกิจเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และล่าสุดได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2562 ติดตามหาญาติซีอุย เพื่อหารือถึงการจัดการร่าง ซึ่งจะต้องแสดงหลักฐานว่ามีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับซีอุย เมื่อพิสูจน์ว่าเป็นญาติจริง จะมีการหารือถึงแนวทางในการดำเนินการเกี่ยวกับร่างซีอุย

แต่หากไม่มีญาติมาแสดงตัวในช่วง 1 เดือน หรือภายในวันที่ 4 ส.ค. 2562 ทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จะขอใช้สิทธิตามกฎหมายในการดําเนินการเกี่ยวกับร่างซีอุย อย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อไป

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้จัดแสดงร่างของซีอุยภายในพิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์สงกรานต์ นิยมเสน เพื่อเป็นวิทยาทานให้เกิดการเรียนรูทางด้านนิติเวชศาสตร์ ตั้งแต่ปี 2502 ภายหลังซีอุยถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฆาตกรรมและถูกประหารชีวิต เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2501

สำหรับประวัติซีอุย เกิดประมาณปี 2464 ในตำบลฮุนไหล เมืองซัวเถา ประเทศจีน ต่อมาได้ถูกเกณฑ์เป็นทหาร ไปสู้รบในสงครามจีน-ญี่ปุ่น และเมื่อสงครามสิ้นสุด ได้ไปรบกับฝ่ายเหมาเจ๋อตุง ก่อนหนีทหารเข้ามาในไทยมาอาศัยในตำบลทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นพื้นที่แรก เมื่อปี 2489 ซึ่งมีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง มีรายได้จากการรับจ้างทั่วไป โดยเส้นทางและแหล่งพักพิงของซีอุยจากข้อมูลตำรวจในช่วงเกิดคดีฆาตกรรม อยู่ในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์, กรุงเทพฯ, นครปฐม และระยอง

...


ขณะที่ "ฟาโรห์ จักรภัทรานน" ผู้ก่อตั้งแคมเปญในเว็บ Change.org เรียกร้องนำร่างซีอุย ออกจากพิพิธภัณฑ์ของศิริราช ล้างฉายามนุษย์กินคน เนื่องจากเชื่อว่าซีอุยไม่ได้กินคน เป็นเพียงชาวจีนธรรมดาคนหนึ่ง กล่าวกับ "ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์" ว่า รู้สึกแปลกใจเมื่อมีการประกาศตามหาญาติของซีอุย เมื่อเวลาผ่านไปหลาย 10 ปี ซึ่งการตามหาญาติเป็นเรื่องค่อนข้างยากภายในเวลา 1 เดือน และหากไม่มีญาติมาแสดงตัวทางศิริราชจะดำเนินการต่อไปอย่างไร อาจเป็นผู้จัดการในการทำพิธีฌาปนกิจร่าง หรืออ้างความชอบธรรมเก็บร่างซีอุยไว้ต่อไป

"หลายสิบปีที่ผ่านมา ร่างซีอุยอยู่ในกรรมสิทธิ์ของศิริราชมาตลอด มองว่าไม่น่าจะมีอะไรแตกต่างหากไม่มีญาติซีอุยมายืนยัน เพราะร่างซีอุย ไม่ใช่ของคุณมาตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งอยากทราบศิริราชจะจัดการอย่างไร แต่มองในแง่ดีเชื่อว่าจะดำเนินการฌาปนกิจ เพราะการตามหาญาตินั้นยากมาก ยากพอๆ กับการรื้อคดี หากจะทำก็คงทำไปนานแล้ว หวังว่าหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องควรหาข้อมูลตามหาญาติ และดีใจที่คนในพื้นที่ทับสะแก แสดงเจตนารมณ์จะมาดำเนินการฌาปนกิจร่างซีอุย"

ด้าน "ปรีดา สุขใจ" นายอำเภอทับสะแก บอกกับ "ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์" ว่า ซีอุยเป็นคนจีนเกิดที่เมืองจีน เสียชีวิตเมื่อ 60 ปีที่ผ่านมา จากการบอกเล่าของคนเก่าแก่ในพื้นที่ทับสะแกซึ่งขณะนี้อายุ 80 กว่าปี ระบุซีอุยเป็นชาวจีนมาทำงานในไทยไม่มีครอบครัวในเมืองไทย มาทำงานช่วงหนึ่งในทับสะแก และโยกย้ายไปอยู่ที่อื่นๆ โดยมีคนตระกูลแซ่เดียวกับซีอุย ในตระกูลแซ่โง้ว และแซ่ตั้ง ซึ่งอยู่ในเมืองไทยแต่ไม่ใช่โดยสายโลหิตและไม่ใช่ลูกหลานให้การช่วยเหลือเท่านั้น

"ซีอุยมาอยู่ทับสะแก แค่ระยะสั้นๆ เพราะได้เดินทางไปนครปฐม และระยอง หากไม่สามารถหาญาติได้ เรื่องสิทธิการดำเนินการต่างๆ ยังเป็นของศิริราช และยืนยันคนทับสะแก ไม่เกี่ยวพันกับการเป็นญาติโดยตรงของซีอุย คงดำเนินการในเรื่องฌาปนกิจไม่ได้ ต้องให้ศิริราชดำเนินการ อีกทั้งซีอุยไม่ได้เกิดในเมืองไทย เป็นเพียงคนจีนที่อพยพเข้ามาไทยเท่านั้น ดังนั้นญาติของซีอุยที่แท้จริงในไทยคงไม่มีอย่างแน่นอน" นายอำเภอทับสะแก กล่าวในที่สุด

...