เอาไม่อยู่จริงๆ เมื่อฝนตกลงมาอย่างหนักใน กทม. กว่า 1 ชั่วโมง เมื่อช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 7 มิ.ย. ถนนหลายสายน้ำท่วมขังสูง จนรถสัญจรไปมาลำบาก โดยเฉพาะพื้นที่เขตห้วยขวาง และใกล้เคียง ซึ่งพื้นที่มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ ทำให้น้ำท่วมขังสูง ระบายด้วยความลำบาก

ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ผ่านมาแค่ 1 วัน ทาง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ออกมาระบุฝนจะตกหนัก 70-80% จนถึงวันที่ 11 มิ.ย. แต่เชื่อว่า กทม.จะรับมือไหว เพราะเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการก่อสร้างระบบดันท่อลอดใต้ดิน, ธนาคารน้ำ, แก้มลิง, การฉีดล้างทำความสะอาดท่อ และการขุดลอกคูคลอง พร้อมกับแสดงความเป็นห่วงพื้นที่ลุ่มบริเวณซอยแบริ่งเชื่อมต่อกับสำโรง และบริเวณหมู่บ้านเศรษฐกิจ ซึ่งระบบระบายน้ำไม่ได้ปรับปรุงมานานหลายสิบปี ทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นประจำ

นอกจากนี้ช่วง พล.ต.อ.อัศวิน เป็นผู้ว่าฯ กทม. ได้เกิดน้ำท่วม กทม.หนักสุดจนเป็นประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 14 ต.ค.2560 ถนนหลายสายน้ำท่วมขังสูงเช่นเดียวกัน จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ “ทะเลกรุงเทพ” มาแล้ว ซึ่งขณะนั้น พล.ต.อ.อัศวิน ออกมายืดอกรับ “น้ำท่วมครั้งนี้ไม่ต้องโทษใคร ให้โทษผมคนเดียว”

หากย้อนไปในอดีตเมื่อเกิดน้ำท่วม กทม.แต่ละครั้ง แน่นอนผู้ดำรงตำแหน่งผู้ว่า กทม.จะถูกตำหนิมาตลอดเรื่องการรับมือน้ำท่วม อย่าง ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร หรือ ชายหมู ซึ่งทำหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม. มา 2 สมัยซ้อน ช่วง 2552-2559 จนมีประโยคเด็ดที่ชาว กทม.ไม่มีวันลืม “น้ำรอการระบาย” และคำพูดจากปากของชายหมู “หากไม่อยากน้ำท่วม ให้ไปอยู่บนดอย” ซึ่งถูกวิจารณ์หนักจากประชาชน

...

ด้าน นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยกับ “ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” ว่า เคยเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. และผ่านมา 10 กว่าปี เมื่อฝนถล่ม กทม.ทุกครั้งจะเกิดน้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกปี และมีการชี้แจงจากผู้เกี่ยวข้องด้วยเหตุผลเดิมๆ ทั้งที่ทราบกันมาตลอดพื้นที่ กทม.มีจุดอ่อนเป็นแอ่งกระทะประมาณ 20 จุด ซึ่งเวลาผ่านไปไม่มีการแก้ไข ทุกอย่างอยู่ที่การบริหารจัดการที่ดี

“รู้สึกเห็นใจ กทม. ต้องมาพูดซ้ำซากเรื่องแก้ปัญหาน้ำท่วมทุกปี แต่ผมรับได้เมื่อฝนตกหนัก เป็นไปไม่ได้ที่น้ำจะไม่ท่วม แต่ทำอย่างไรให้การระบายน้ำต้องให้เร็ว เพราะเมื่อเกิดปัญหาน้ำท่วมทุกครั้ง จะพูดถึงท่อระบายน้ำที่เล็ก และพื้นที่ในกทม.หลายจุดที่ต่ำเป็นแอ่งกระทะ แต่ไม่มีการแก้ไขยกระดับให้สูงขึ้น กว่าน้ำระบายไปถึงอุโมงค์ยักษ์ก็ใช้เวลานาน ส่วนปัญหาไฟดับบริเวณคลองระบายน้ำบางซื่อ ซึ่งน่าจะมีการเตรียมไฟสำรองไว้ หากบริหารจัดการอย่างจริงจังกันจริงๆ”

สำหรับปัญหาท่อระบายน้ำเล็ก ควรต้องเปลี่ยนให้เป็นท่อใหญ่ในการพร่องน้ำ ซึ่งไม่ยุ่งยากเหมือนการทำอุโมงค์ เพื่อระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ไปสู่อุโมงค์ยักษ์ให้เร็วที่สุด อีกทั้ง กทม.มีเรดาร์ตรวจอากาศ สามารถประเมินเตรียมความพร้อมในการขุดลอกท่อระบายน้ำให้เร็วที่สุดเพื่อรับมือน้ำท่วม รวมถึงปัญหาขยะในท่อที่ กทม.ต้องรับผิดชอบ และอยากขอให้ประชาชนช่วยกันอย่าทิ้งขยะลงในท่อระบายน้ำ ลำราง คลอง และแม่น้ำ ทำให้เป็นอุปสรรคในการระบายน้ำ.

...