ก้าวหน้าไปอีก ต้นกัญชาทางการแพทย์ขององค์การเภสัชฯ ทั้ง 140 ต้น เริ่มออกดอก คาด ก.ค.นี้โตเต็มที่ นำมาสกัดเป็นน้ำมันหยดใต้ลิ้น ทดสอบกับผู้ป่วยมะเร็ง...
เมื่อวันที่ 16 พ.ค. นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการผลิตสารสกัดต้นแบบกัญชาทางการแพทย์ขององค์การเภสัชกรรม ระยะที่ 1 ว่า ขณะนี้ต้นกัญชา 140 ต้น ปลูกเมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา บนพื้นที่ 100 ตารางเมตรใน อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ทั้งหมดเจริญเติบโตเป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติด้านการเพาะปลูกที่ดี ซึ่งทุกขั้นตอนปลอดสารพิษต่างๆ และทำให้ได้ปริมาณสารสำคัญเป็นไปตามที่ต้องการและสม่ำเสมอ โดยเริ่มออกดอกแล้ว ร้อยละ 98 เป็นตัวเมีย คาดว่าอีกประมาณ 10-12 สัปดาห์ หรือประมาณต้นเดือน ก.ค.นี้ ดอกจะโตเต็มที่ มีลักษณะเป็นถุงใสคล้ายเรซิ่นทั่วทั้งด้านใน และด้านนอกของดอก
อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามดูการเจริญเติบโต โดยมีผู้เชี่ยวชาญดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นครั้งแรกที่ปลูกกัญชาเกรดทางการแพทย์ สามารถนำไปผลิตน้ำมันกัญชาหยดใต้ลิ้น ได้ขวดขนาด 5 มิลลิลิตร จำนวน 2,500 ขวด นำไปใช้ในการวิจัยทดสอบทางคลินิกกับผู้ป่วยที่สมัครเข้าร่วมโครงการกับกรมการแพทย์ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ในการดำเนินการวิจัยในกลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็ง และมีการขออนุญาตคณะกรรมการจริยธรรมวิจัยในคนเรียบร้อยแล้ว

...
นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ดอกกัญชาที่ได้จากการปลูก เป็นตัวเมีย เป็นส่วนที่มีสารสำคัญมากที่สุดที่นำมาสกัดเป็นน้ำมันกัญชา โดยเมื่อออกดอกเติบโตเต็มที่ จะทำการเก็บเกี่ยวมาทำให้แห้ง และสกัดด้วยเอทานอล ซึ่งเป็นสารละลายที่มีความปลอดภัยและเป็นที่ยอมรับในการใช้สกัด เพื่อนำมาทำเป็นยา โดยใช้เทคนิคเฉพาะ จากนั้นระเหยเอทานอลออกให้หมดจนเหลือเป็นน้ำมัน นำมาเจือจางและผลิตน้ำมันกัญชาหยดใต้ลิ้นที่ทราบความเข้มข้นของสารสกัด THC และ CBD ระดับหน่วยเป็นมิลลิกรัมและมิลลิลิตร เพื่อให้แพทย์สามารถคำนวณเป็นโดสหรือปริมาณการใช้กับผู้ป่วยแต่ละรายและแต่ละโรคได้เหมาะสมและมีประสิทธิผลต่อการรักษาได้ต่อไป ซึ่งการนำไปใช้ในการวิจัยทดสอบทางคลินิกกับผู้ป่วยที่สมัครเข้าร่วมโครงการกับกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ในช่วงเดือน ก.ค.นี้ จะไม่จ่ายสารสกัดน้ำมันกัญชาให้ผู้ป่วยโดยตรง

“การใช้สารสกัดน้ำมันกัญชาทางการแพทย์ จะมีการติดตามโดยคณะทำงานเพื่อวางระบบการควบคุมในการศึกษาวิจัยและการใช้กัญชาทางการแพทย์ ซึ่งมีกรมการแพทย์เป็นผู้ดูแล และมีการศึกษามาอย่างรอบครอบในการนำไปรักษาแล้ว ยกตัวอย่าง หากใช้ในโรคลมชัก ต้องมีตัวสาร CBD ในปริมาณมาก และต้องมีความเข้มข้นประมาณไหน และวิธีการใช้อย่างไร หรืออาการแก้คลื่นไส้รุนแรงในผู้ป่วยมะเร็งที่รักษาคีโมก็ต้องใช้ THC ประมาณไหน จะมีคู่มือให้แพทย์ โดยทางองค์การเภสัชกรรม จะวางแผนกว้างๆ เพื่อให้แพทย์ที่ผ่านการอบรมจากหลักสูตรที่กำหนดในการใช้กัญชาทางการแพทย์เป็นผู้พิจารณา”.
