ในประเทศไทยมีความเชื่อแปลกๆ ที่ถูกปลูกฝังกันมาตั้งแต่รุ่นลูกรุ่นหลาน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าความเชื่อเหล่านั้นจริงเท็จหรือเสริมเติมแต่งเนื้อหาเข้าไปอย่างไร แต่ที่แน่ๆ มนุษย์เกินครึ่งที่หลงรักแมว กลับบอกปัดปฏิเสธที่จะนำน้องแมวสีดำมารับเลี้ยงดู เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องราวไม่ดีขึ้นกับชีวิตตามที่โบราณได้ว่าไว้ โดยเฉพาะพฤติกรรมของแมวดำทุกครั้งที่เดินตัดหน้าใคร หรือปีนขึ้นบนโลงศพวัดไหน ว่ากันว่าจะเกิดเรื่องราวอันตรายขึ้น รวมไปถึงความเชื่อที่ว่า "แมวดำเป็นแมวผี" เลี้ยงไว้จะเจอแต่เรื่องโชคร้าย "คุณรู้มั้ยว่า" มันส่งผลทำร้ายแมวที่มีขนสีดำมากมายเพียงไหน
เว็บไซต์ CatDumb เปิดเผยข้อมูลบางส่วนไว้ว่า "แมวที่โชคร้ายส่วนมากก็จะเป็นแมวสีดำ เพราะด้วยสีของมันที่ไม่น่าพอใจ และเขาถือว่ามันเป็นลางไม่ดีอีกด้วย ทำให้มันถูกทิ้งอยู่บ่อยครั้ง และที่สถานรับเลี้ยงแมวนั้น แมวดำก็มักจะถูกเพิกเฉยต่อการรับไปเลี้ยง เพราะใครๆ ก็ไม่อยากได้แมวดำ ช่างภาพคนหนึ่งเธอชื่อว่า เคซี่ เธอได้ตามถ่ายภาพแมวดำจากสถานรับเลี้ยงสัตว์ที่ West Los Angeles เนื่องจากว่าแมวดำไม่มีใครรับไปเลี้ยงเลย อีกทั้งยังมีคนทิ้งแมวดำเรื่อยๆ เธอก็เลยถ่ายมุมน่ารักๆ ของมัน เพื่อแสดงให้เห็นว่ามันไม่ได้นำโชคร้ายมาสู่ใครๆ
ผู้ใหญ่ทัก อย่าไปยุ่งกับ “แมวดำ” เพราะ "แมวดำ" คือ “แมวผี”
นายอดิเทพ พันธ์ทอง หนึ่งในคนรักแมว และยังเป็นคอลัมนิสต์เว็บไซต์ ให้ข้อมูลไว้ว่า ตัวเค้าเองเป็นคนที่ชอบแมวมาก ขอให้เป็นแมวไม่ว่าจะสีอะไรก็ชอบหมด แต่ตอนเด็กๆ ตนเองมักถูกผู้ใหญ่ทักไม่ให้ไปยุ่งกับ “แมวดำ” โดยอ้างว่าแมวดำคือ “แมวผี” ซึ่งมีอำนาจชั่วร้ายที่สามารถทำให้คนตายไปแล้วฟื้นขึ้นมาได้ "หากว่ามันได้ไปกระโดดข้ามโลงศพของใครเข้า ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องดี แต่กลับกัน ซากศพที่ถูกแมวดำกระโดดข้ามจะกลายเป็นผีร้ายที่มาพร้อมความอาฆาตพยาบาท"
...
"ถึงตอนนี้เมื่อนึกย้อนกลับไปก็อดสงสัยไม่ได้ว่า คนเฒ่าคนแก่เหล่านั้นเขาเชื่อกันอย่างนั้นจริงๆ หรือแค่ต้องการขู่ไม่ให้เด็กไปยุ่งกับแมวเพราะกลัวว่าจะกลายมาเป็นภาระของตัวเองหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ในหลายวัฒนธรรม แมวดำเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา ทำให้แมวดำจรจัดเป็นแมวที่หาผู้รับเลี้ยงได้ยาก (บางประเทศไม่ยอมให้สัตว์เลี้ยงออกเพ่นพ่านในที่สาธารณะ จึงถูกจับมาขังจนกว่าจะหาผู้รับเลี้ยงได้)"
ถูกทำร้ายจนพิการ กลัวคน ไร้ผู้รับเลี้ยงเพราะความเชื่อผิดๆ
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ภายหลังมีภาพแมวดำวิ่งตัดหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สื่อสำนักดังช่องต่างๆ ออกมาเล่นข่าวโหมกระหน่ำ สัมภาษณ์โหร หมอดูชื่อดัง ชี้ทิศทางไปสู่เรื่องไม่ดีไม่งามอันเป็นผลเกิดมาจากแมวดำวิ่งตัดหน้า แต่สำหรับเจ้าตัวอย่างนายกฯลุงตู่เอง ไม่ได้รู้สึกกลัวตามคำบอกเล่าแต่อย่างใด พร้อมกันนี้ยังให้สัมภาษณ์บ่งบอกความรู้สึกที่สวนกระแสความเชื่อตอบกลับไปด้วยว่า "ไม่รู้สึกกลัวอะไรเลย ดีซะอีกเพราะแมวกำลังวิ่งจับหนู"
เฟซบุ๊ก Pro Chain-Saharath ได้ทำคลิปวิดีโอพูดถึงหัวข้อดังกล่าว เนื้อหาถ่ายทอดออกมาว่า "ไม่ว่าความเชื่อเหล่านี้มันจะมีที่มาอย่างไร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับแมวดำวันนี้คือ เวลามีโครงการหาบ้านให้แมวจร แมวดำจะเป็นแมวที่ถูกรับเลี้ยงน้อยที่สุด และเมื่อไปดูตามวัด แมวเกือบครึ่งที่ไร้ที่อยู่อาศัยคือแมวดำ และที่แย่ที่สุดที่ผมเคยได้คุยกับสถานอุปถัมภ์แมว เขาบอกผมว่าแมวดำส่วนใหญ่จะกลัวคน แต่ไม่ได้กลัวเพราะเป็นสายพันธุ์ที่ไม่เข้าหาคน แต่กลัวเพราะแมวดำมักโดนคนไล่ มันโดนคนทำร้ายและโดนทอดทิ้ง โดยเฉพาะแมวจรสีดำที่เก็บมาจากข้างถนน จะมีบาดแผลโดนทำร้าย ทุบตี ทำให้เค้าไม่กล้าเข้าหาคนเท่ากับแมวสีอื่นๆ"
"ความเชื่อเหล่านั้น ทำให้เรากำลังทำร้ายพวกเค้าโดยที่เราเองไม่รู้ตัว ซึ่งผมเองก็ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในคนที่เคยเชื่อแบบนั้น แมวดำนำพามาซึ่งโชคร้าย แต่หลังจากที่ผมรับสมหวัง ซึ่งเป็นแมวดำมาเลี้ยงเมื่อ 6 ปีก่อน มันทำให้ผมค้นพบว่าความเชื่อเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์อุปโลกน์ขึ้นมาจากสีของมันเท่านั้น "สมหวัง" เดินตัดหน้าผมทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน ผมไม่เคยโชคร้ายเลยสักครั้ง "สมหวัง" กระโดดข้ามผมตอนนอนบนเตียงทุกคืน ผมไม่เคยตื่นมาแล้วกลายเป็นผีเฮี้ยนอย่างที่ใครเค้าว่าเลย"
ผมอยากบอกสื่อที่ประโคมข่าวว่า "แมวดำตัดหน้าและทำให้โชคร้าย" ผมอยากจะบอกเค้าว่า เราอยู่ในยุคที่วิทยาศาสตร์เติบโตมาสูงสุดแล้ว อย่าเสียเวลามางมงายกับเรื่องสีขนของแมว เพราะจะโชคดีหรือโชคร้าย มันไม่ได้อยู่ที่แมว แต่มันอยู่ที่การกระทำของคน
ถ่ายเซลฟี่ด้วยแล้วไม่สวย เลยไม่เลี้ยง
...
สถานสงเคราะห์สัตว์ The Moggery ในบริสตอล ประเทศอังกฤษ มีแมวทั้งหมด 40 ตัว และทุกตัวเป็นสีดำ แต่มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเชื่อทางไสยศาสตร์ โชคลาง หรือเรื่องลี้ลับแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะพวกมัน “ถ่ายเซลฟี่ด้วยแล้วไม่สวย” Christine Bayka วัย 67 ปี ผู้ก่อตั้ง The Moggery กล่าวว่า “แมวดำเหล่านี้ถูกเจ้าของปฏิเสธ เพราะพวกมันมีสีเข้ม ทำให้ถ่ายรูปไม่ขึ้นและดูไม่สวยเมื่อถ่ายเซลฟี่”
สำหรับสถานสงเคราะห์สัตว์แห่งนี้ Christine ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 21 ปีที่แล้ว และสถานการณ์ที่เจออยู่ตอนนี้มันเลวร้ายกว่าทุกเรื่องที่เธอเคยเจอมา เธอบอกอีกว่า “มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก เพียงเพราะแมวดำไม่สามารถถ่ายเซลฟี่ให้สวยได้ และตอนนี้ผู้คนต่างหลงใหลในโลกโซเชียล พวกเขาแค่อยากถ่ายเซลฟี่แล้วเอาไปโพสต์ในเฟซบุ๊กเพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์”
“ทุกครั้งที่มีคนมาดูแมว ฉันมักจะถามคำถามและได้ยินคำตอบแบบเดิมๆ เสมอ ฉันถาม ‘ไม่ว่าแมวสีอะไร คุณก็สะดวกเลี้ยงใช่มั้ย? พวกเขาจะพูดว่า ‘แน่นอน ตราบใดที่มันไม่ใช่สีดำนะ ทั้งที่เมื่อ 20 ปีก่อน เราไม่ค่อยประสบกับปัญหานี้เท่าไหร่ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นปัญหาที่หนักขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนมันเป็นเรื่องยากสำหรับแมวดำ เพียงเพราะพวกมันเซลฟี่ไม่สวย” Christine กล่าว
...
แมวดำสุดยอดสัตว์มงคล
ในเว็บไซต์ “แมวสยาม cats of Thailand” ได้มีบทความที่พูดถึงเรื่องแมวดำมาแล้ว โดยการระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ความเชื่อว่าแมวดำเป็นสัตว์ที่ไม่เป็นมงคลและจะนำพาโชคร้ายมาเยือนนั้นถือเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะนอกจากจะไม่เป็นอัปมงคลแล้ว คนโบราณยังยกให้แมวดำเป็นสัตว์มงคล โดยเรื่องดังกล่าวสามารถยืนยันได้จากสมุดข่อยที่มีอายุมากกว่า 300 ปี ที่ถูกเก็บรักษาไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ รวมถึงตำราแมวอีกหลายฉบับในยุคกรุงรัตนโกสินทร์
นอกจากนี้ แมวดำ ยังถือเป็นสัตว์มงคลในราชสำนัก สมัยอดีตเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเลี้ยงได้เท่านั้น อย่างเช่นแมวดำจตุบท เลี้ยงได้เฉพาะราชนิกูล หรือแม้แต่แมวดำมุลิลา ให้เลี้ยงได้เฉพาะพระสงฆ์องค์เจ้าที่กำลังศึกษาพระธรรมเท่านั้น
ส่วนในเรื่องของความเชื่อที่ว่า แมวดำกระโดดข้ามโลงศพแล้วผีเฮี้ยนนั้นไม่มีจริง เพราะตำราทุกยุคทุกสมัยไม่มีจารึกนี้เลย ไม่ทราบว่าคนไทยเอามาจากไหน โดยส่วนตัวเข้าใจว่ามาจากในละครไทย โดยในข้อนี้ไม่มีมูลเหตุและไม่มีเอกสารทางประวัติศาสตร์ฉบับใดระบุเลยสักฉบับ ส่วนแมวดำที่ทำเนียบฯ ตัวที่เคยวิ่งตัดหน้านายกฯตู่และกำลังเป็นข่าวนั้น หากสังเกตจะพบว่ามีลักษณะคล้ายๆ กับ “แมวสิงหเสพย์” ซึ่งถือได้ว่าเป็นแมวมงคลที่จะสร้างความเด่นในเรื่องของเงินทองทรัพย์สินให้แก่ผู้เลี้ยงไว้นั่นเอง
**เพราะความเชื่อผิดๆ ของมนุษย์ ทำให้แมวที่มีขนสีดำต้องถูกทำร้ายจนพิการ บางตัวกลัวคนจนต้องวิ่งหนีเสียสติ ในขณะที่อีกหลายตัวถูกไปกองรวมกันในวัด หรือสถานรับเลี้ยง ไม่มีใครอยากจะรับแมวดำไปดูแลเนื่องจากมองว่าเป็นแมวที่นำพาโชคร้ายมาให้ และความเชื่อเหล่านี้เองที่กลายเป็นตราบาปของแมวดำ ถูกมนุษย์ใส่ความจนกลายเป็นแมวกำพร้าถูกทอดทิ้งจนตายไปในที่สุด "อย่าทำบาปกรรมโดยการแบ่งแยกสีให้ความสำคัญกับแมวไม่เท่ากัน".
...
ขอบคุณภาพประกอบจากพันธุ์ทิพย์