โฆษก ทส.แจงยิบ "บิ๊กเต่า" ไม่เกี่ยวข้องโครงการแผนที่ ONE MAP ชี้ เป็นโครงการเก่าที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2552-2555 แต่ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทส. มารับตำแหน่งเมื่อปี 2558

จากกรณีข่าวที่มีการคาดการณ์ว่า รัฐมนตรีหลายท่านในคณะรัฐมนตรีของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะลาออกจากตำแหน่งเพื่อไปรับตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา โดยหนึ่งในรัฐมนตรีตามกระแสข่าวดังกล่าว คือ พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งในระยะ 2–3 วันที่ผ่านมา ได้มีการยกเลิกกำหนดการในสัปดาห์นี้ทั้งหมด และในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เดินสายไปติดตามการทำงานของหน่วยงานสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแทบทุกกรม โดยได้มีการพูดถึงผลงานของตนเองที่ประสบความสำเร็จตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น โครงการป่าในเมือง โครงการ คทช. ตลอดจนการปฏิรูปกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมิได้มีการพูดถึงโครงการที่ไม่ประสบความสำเร็จ เช่น โครงการแก้ไขปัญหาเขาหัวโล้น โครงการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตรส่วน 1 : 4,000 (ONE MAP) ที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณไปกว่า 1,000 ล้านบาทนั้น

...

ในกรณีดังกล่าว นายโสภณ ทองดี ผู้ตรวจราชการกระทรวง ในฐานะโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชี้แจงว่า โครงการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4,000 (ONE MAP) ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2558 โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2558 ให้ ทส. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวเขตป่าไม้ พร้อมจัดทำเป็นแผนที่ดิจิทัล มาตราส่วน 1 : 4,000 รวมทั้งพัฒนาเป็นแอปพลิเคชันเพื่อความสะดวกในการตรวจสอบแนวเขตป่าไม้

ต่อมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2558 เห็นชอบแนวทางการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4,000 และแต่งตั้งคณะกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4,000 (ONE MAP) เพื่อรวบรวมและแก้ไขปัญหาแนวเขตที่ดินของรัฐทุกประเภทที่ไม่ชัดเจน และจัดทำให้อยู่ในมาตราส่วนเดียวกันทั้งหมดสามารถนําไปกําหนดเป็นแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินแบบบูรณาการในอนาคต ทั้งนี้ ได้เห็นชอบให้จัดสรรงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 งบกลาง จำนวน 65,215,600 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยคณะกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการฯ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจำนวน 5 คณะ พร้อมจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการตามความจำเป็น

ทั้งนี้ สำหรับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานและฝ่ายเลขานุการในคณะอนุกรรมการด้านเทคนิคการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4,000 ได้รับจัดสรรงบประมาณในการดำเนินการ จำนวน 20,057,200 บาท เพื่อจัดทำหลักเกณฑ์การปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ จัดเตรียมข้อมูล ฐานข้อมูลในการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจและการฝึกอบรมด้านเทคนิคการปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐ ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว สำหรับผลการดำเนินงานภาพรวมโครงการ ณ ปัจจุบัน คณะกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการฯ ได้จัดทำรายงานผลการดำเนินงานเสนอในคราวการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2562 โดยที่ประชุมมีมติรับทราบและมอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติรับไปพิจารณาดำเนินการกำกับติดตามให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบเส้นแนวเขตที่ดินของรัฐให้ถูกต้อง ตรงกัน และเห็นชอบร่วมกันจนเป็นที่ยุติ และเสนอคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบรับรองแนวเขตที่ดินของรัฐอีกครั้ง พร้อมทั้งหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาและมาตรการในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ อีกทั้งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอื่นใด เพื่อให้การจัดทำแนวเขตที่ดินของรัฐและราษฎรเกิดความชัดเจนและยั่งยืนต่อไป

จากข้อมูลดังกล่าว นายโสภณ ทองดี โฆษกประจำกระทรวง กล่าวโดยสรุปว่า “การดำเนินงานโครงการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4,000 (ONE MAP) เป็นการต่อยอดผลการดำเนินงานจากโครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ ปีงบประมาณ พ.ศ.2552–2555 ซึ่งเริ่มดำเนินการและแล้วเสร็จก่อนรัฐบาลชุดปัจจุบันจะเข้ารับตำแหน่ง อีกทั้ง พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ได้เข้ารับตำแหน่งเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2558 จึงมิได้เป็นผู้ดำเนินงานโครงการตามที่เป็นข่าว แต่ทั้งนี้ ผลจากการดำเนินงานโครงการก็สามารถต่อยอดในการแก้ไขปัญหาการซ้อนทับของแนวเขตที่ดินป่าไม้ของประเทศ แต่เนื่องจากในบางพื้นที่ยังไม่มีข้อยุติของแนวเขตป่าไม้ที่ชัดเจน รวมถึงยังไม่มีการจัดทำข้อตกลงร่วมกันกับราษฎรในพื้นที่เพื่อหาข้อยุติต่างๆ ด้วยเหตุนี้เพื่อเป็นการสร้างมาตรฐานเดียวกันกับแนวเขตที่ดินของรัฐทุกประเภท รัฐบาลชุดปัจจุบันจึงได้ต่อยอดโครงการดังกล่าว เพื่อจัดทำแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4,000 (ONE MAP) เพื่อเป็นมาตรฐานและใช้ประโยชน์ร่วมกันตามที่ทราบกัน”

...

ด้านนายวิจารณ์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวชี้แจงในประเด็น การแก้ไขปัญหาเรื่องเขาหัวโล้นว่า ขั้นตอนและกระบวนการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยระยะเวลาในการดำเนินการ ตั้งแต่การดำเนินการจัดการกับพื้นที่ที่ถูกบุกรุก การฟื้นฟู การสร้างความเข้าใจและสร้างความตระหนักของประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้เกิดความร่วมมือและสามารถแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว รวมถึงการส่งเสริมการปลูกต้นไม้ในพื้นที่เอกชน และการส่งเสริมแนวทางการดำเนินงานโดยยึดแนวพระราชดำริให้คนอยู่กับป่าได้ โดยการดำเนินงานภายใต้การนำของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้พยายามแก้ไขปัญหาโดยเน้นประโยชน์และความสุขของประชาชนเป็นสำคัญ อีกทั้งยังต้องเกิดความยั่งยืนในระยะยาว นับตั้งแต่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2558 อนุมัติหลักการการจัดที่ดินทำกิน ให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวม โดยมิให้กรรมสิทธิ์ แต่อนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐเป็นกลุ่มหรือชุมชน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติกำหนดในรูปแบบสหกรณ์ หรือรูปแบบอื่นที่เหมาะสม เพื่อแก้ไขปัญหาการไม่มีที่ดินทำกิน ซึ่งผลที่ได้ตามมา คือ สามารถลดปัญหาการบุกรุกที่ดินป่าไม้ได้อีกด้วย โดยในปัจจุบันได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 153 พื้นที่ ใน 58 จังหวัด เนื้อที่ประมาณ 5 แสนไร่ จัดคนลงในพื้นที่และรับรองรายชื่อแล้วจำนวนกว่า 41,000 ราย พร้อมส่งเสริมอาชีพแล้ว 118 พื้นที่ ใน 56 จังหวัด ทำให้ราษฎรในพื้นที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นชุมชนเข้มแข็ง มีศักยภาพและคนสามารถอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ ยังจัดตั้งป่าชุมชนอีกจำนวน 6,228 หมู่บ้าน ครอบคลุมพื้นที่ 3.68 ล้านไร่ ซึ่งทำให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนในการอนุรักษ์และดูแลป่าไม้ของประเทศ ทำให้ผืนป่าของประเทศไทยค่อยๆ กลับฟื้นคืนสภาพสู่ความสมบูรณ์ และพื้นที่ป่าไม้ก็เพิ่มขึ้นตามลำดับ

...

นายโสภณ ทองดี โฆษกประจำกระทรวง กล่าวเสริมว่า การฟื้นฟูสภาพพื้นที่ป่าที่เสื่อมโทรมต้องอาศัยระยะเวลาในการฟื้นฟูหลายปี ตั้งแต่เริ่มปลูก และดูแลจนกลับสู่สภาพความเป็นป่าสมบูรณ์ ซึ่งต้องอาศัยระยะกว่าภูเขาหัวโล้นจะกลับคืนสู่สภาพป่าสมบูรณ์ นอกจากนี้ ภายใต้การดำเนินของคณะรัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้พยายามเร่งแก้ไขปัญหาให้เกิดความยั่งยืน โดยได้ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาป่าไม้ที่สำคัญๆ ได้แก่ พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ.2562, พ.ร.บ.ป่าชุมชน พ.ศ.2562, พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2559, พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่...) พ.ศ.2562, พ.ร.บ.สวนป่า พ.ศ.2558, พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 และ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 เป็นต้น

"ซึ่งปัจจุบันได้ประกาศบังคับใช้แล้วหลายฉบับ และเตรียมการประกาศในส่วนที่เหลือต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการที่รัฐบาลได้ผลักดันให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนอีกประการ ได้แก่ การส่งเสริมการปลูกไม้มีค่าในพื้นที่เอกชน โดยประชาชนสามารถปลูกไม้มีค่า และสามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกันได้ หรือเป็นทรัพย์สินส่วนตัว ที่สามารถปลูกและตัดขายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย จึงเป็นการส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในชุมชนและช่วยอนุรักษ์ผืนป่าให้คงอยู่ต่อไป" นายโสภณ ทองดี กล่าว.