ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เปิดเผยว่า เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางเวชสำอางอันดับ 3 ของเอเชีย ต่อจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ และเป็นแหล่งผลิตสินค้าเวชสำอางส่งออก ปีนี้ วว.จึงมุ่งศึกษาวิจัยสมุนไพรไทย เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบหลักในอุตสาหกรรมเวชสำอาง ล่าสุดได้นำดอก
คำฝอย สมุนไพรในกลุ่มเครื่องดื่มมาสกัดสารสำคัญผลิตเวชสำอางนาโนแฮร์โทนิก Herberish โดยใช้วิทยาการด้านนาโนเทคโนโลยี

เนื่องจากในดอกคำฝอยมีสารคาร์ทามิน ซาฟโฟลมิน ซาฟฟลอร์เยลโล่ ไฮดรอกซีซาฟฟลอร์เยลโล่ ทิงค์ทอร์มีน ซาโปจีนิน และสารลูทีโอลิน มีคุณสมบัติบำรุงเส้นผม เสริมความแข็งแรงเซลล์รากผม บำรุงหนังศีรษะ ชะลอการหลุดร่วง เสริมสร้างการเจริญเติบโตเส้นผม

นายสิทธิพงศ์ สรเดช นักวิจัยศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร เผยถึงวิธีการสกัดว่า ใช้ดอกคำฝอยจำนวน 100 กก. นำมาสกัดด้วยวิธีแช่หมัก นาน 30 วัน จะได้สารสำคัญ 2 กก. จากนั้นนำสารสำคัญที่ได้ศึกษาพบว่ามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและสามารถยับยั้งเอนไซม์ (5α-reductase) ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดผมร่วง ศีรษะล้าน ใกล้เคียงกับการใช้ตัวยามาตรฐาน Dutasteride และ Finasteride ซึ่งเป็นตัวยาเคมีที่ใช้รักษาอาการผมร่วง ที่มีสาเหตุมาจากต่อมลูกหมากโต

...

“เพื่อให้สารสำคัญในดอกคำฝอยคงทนเก็บได้นาน จึงใช้วิทยาการด้านนาโนเทคโนโลยีมากักเก็บสารสำคัญในดอกคำฝอย ให้การซึมผ่านเข้าสู่ผิวหนังมีความคงตัวทางกายภาพขณะใช้งาน และเมื่อนำไปทดสอบในกลุ่มอาสาสมัครทั้งหญิง ชาย ระยะเวลา 12 สัปดาห์ พบว่า สารสกัดจากดอกคำฝอยช่วยเสริมสร้างเร่งการเจริญ (ความยาว) ของเส้นผม ลดการหลุดร่วง และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง”

ทั้งนี้ วว.คาดว่าในอนาคตหลังผลิตภัณฑ์เวชสำอางนาโนแฮร์โทนิก Herberish ได้ทำการเปิดตลาดทั้งในไทยและอาเซียน จะช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกดอกคำฝอยในพื้นที่ อ.พร้าว อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ และ อ.พาน จ.เชียงราย มีตลาดรับซื้อผลผลิตที่แน่นอน.