ตำรวจ 191 แถลงจับกุมเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนภาคเหนือพร้อมของกลางยาบ้า 2 หมื่นเม็ด เฮโรอีนอีก 302 กรัม และ คดีสาวแสบหลอกขายประกันรถยนต์ เสียหายรวมกว่า 4 ล้านบาท....
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 เม.ย.2562 ที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 ถนนวิภาดีรังสิต พ.ต.อ.สมบูรณ์ เทียนขาว รอง ผบก. สปพ. พร้อมด้วยพ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ บก.สปพ.ร่วมแถลงผลจับกุมคดีที่เกี่ยวกับการหลอกทำประกันภัยรถยนต์ และคดีเกี่ยวกับยาเสพติด รวม 2 คดี ได้ผู้ต้องหา 3 ราย พร้อมของกลาง ยาบ้า 2 หมื่นเม็ด เฮโรอีนอีก 302 กรัม และเอกสารอื่นอีกหลายรายการ
พ.ต.อ.ปิยรัช กล่าวว่า คดีแรกเป็นการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ที่ลักลอบนำยาเสพติดส่งทางบริษัทขนส่งเอกชน ซึ่งสามารถจับกุมตัวน.ส.รัตนา หรือป็อป แสนป้อง อายุ 24 ปี และนายพงษ์สิทธิ์ หรือตี่ วรการพัฒน์ อายุ 25 ปี สองสามีภรรยาชาว จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางยาบ้า 2 หมื่นเม็ด เฮโรอีนอีก 302 กรัม กล่องพัสดุ 1 กล่อง รถจักรยานยนต์ 1 คัน และสมุดบัญชีเงินฝาก 6 เล่ม มีเงินหมุนเวียน 5 แสนบาท

...
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าจะมีกลุ่มขบวนการยาเสพติด ลักลอบนำยาเสพติดจากทางภาคเหนือ มาจำหน่ายในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล โดยใช้วิธีส่งพัสดุผ่านบริษัทเอกชน ส่งมายังบ้านเลขที่ 111 ทับ 430 หมู่บ้านกานดาริมคลอง ซอย 20 ถนนพระราม 2 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมืองสมุทรสาคร จึงนำกำลังไปเฝ้าสังเกตุการณ์ จนกระทั่งพบพนักงานส่งของนำพัสดุมาส่งให้กับน.ส.รัตนา ซึ่งอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าจึงแสดงตัวขอตรวจสอบกล่องพัสดุดังกล่าว พบยาบ้า 2 หมื่นเม็ดซุกซ่อนอยู่ในกล่อง จากนั้นจึงได้เข้าตรวจค้นภายในบ้าน พบเฮโรอีนอีก 300 กรัม จึงทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง
จากการสอบสวน น.ส.รัตนา ทราบว่า นายพงษ์สิทธิ์ หรือตี่ แฟนหนุ่ม เป็นผู้รับไปรับยามาจากชายแดนด้านจ.เชียฃราย จากนั้นได้ส่งยาบ้าของกลางผ่านบริษัทรับส่งของ จาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย ส่งปลายทางที่บ้านพักของตนเอง ส่วนนายพงษ์สิทธิ์ จะเดินทางตามมาทีหลังเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจค้นของทางเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ได้ทำการเฝ้าที่บ้านพักจนกระทั้งนายพงษ์สิทธิ์ กลับมาถึงบ้านพัก จึงเข้าจับกุมไว้ได้ จากการสอบสวนนายพงษ์สิทธิ์ ให้การรับสารภาพว่า นายซางตี๋ ซึ่งเป็นน้องชายของนายพงษ์สิทธิ์ ที่อาศัยอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน จะเป็นผู้นำยาเสพติดมาส่งให้นายพงษ์สิทธิ์ เพื่อนำกลับมาจำหน่ายให้ลูกค้าในพื้นที่ จ.สมุทราสาคร และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งอยู่ระหว่างประสานกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อร่วมกันติดตามตัวมาดำเนินคดี

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาน.ส.รัตนา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจําหน่ายโดยผิดกฎหมาย ส่วนนายพงษสิทธิ์ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจําหน่ายโดยผิดกฎหมาย และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ไว้ในครอบครองเพ่ือจําหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนควบคุมตัวทั้งคู่ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
พ.ต.อ.ปิยรัช กล่าวต่อว่า คดีที่ 2 เป็นผลงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจงานสายตรวจ 3 จับกุมตัวน.ส.จุฑาภาส หรือเติ้ล อังกาพย์ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลแขวงพระนครใต้ ที่ จ.7/2562 ลง 16 ม.ค. 62 ฐานความผิด “ฉ้อโกง” พร้อมของกลางเอกสารประกันภัยรถยนต์ รายชื่อลูกค้า คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก โดยสามารถจับกุมได้บริเวณสำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 3 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าทำการสืบทราบว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้ก่อเหตุอ้างเป็นตัวแทน บริษัท โบรกเกอร์ขายประกันภัยแห่งหนึ่ง โดยจะโทรหาลูกค้าที่เคยทำประกันภัย และกำลังหมดอายุ เพื่อให้ต่อประกันภัย โดยเสนอส่วนลด หรือมอบของกำนัล อาทิ กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์ เพื่อจูงใจผู้เสียหายหลงเชื่อ ตกเป็นเหยื่อโอนเงินเข้าบัญชี ตกรายละ 10,000 – 25,000 บาท แต่เมื่อได้เงินแล้วกลับไม่ได้มีการทำประกันภัยรถยนต์ให้ลูกค้าแต่อย่างใด จึงทำการสืบสวนต่อจนทราบว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีฉ้อโกง และยังมีหมายติดตัวอีก 10 หมาย ซึ่งเป็นคดีฉ้อโกงทั้งหมด จะไปปรากฏตัวที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 3 จึงนำกำลังไปจับกุมเอาไว้ได้
พ.ต.อ.ปิยรัช กล่าวอีกว่า จากการสอบสวนน.ส.จุฑาภาส ให้การว่า ตนเองได้ซื้อข้อมูลส่วนบุคคลของเหยื่อจากนายโฟล์ค ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ผ่านทางเว็บไซต์ จำนวน 200 ชื่อในราคาชื่อละ 3 บาท ก่อนติดต่อให้เหยื่อซื้อประกันภัยรถยนต์กับตน รายละประมาณ 18,000 บาท ซึ่งมีผู้เสียหายรวมแล้วกว่าหลายร้อยราย มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท ครอบคลุมหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งภาคเหนือและภาคใต้ ซึ่งผู้ต้องหารายนี้เคยเป็นพนักงานบริษัทรถยนต์แห่งหนึ่งจึงรู้ช่องทางในการกระทำผิด และรู้วิธีทำให้เหยื่อหลงเชื่อ แม้ว่าคนร้ายรายนี้เคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง แต่ความผิดฐานฉ้อโกงนั้น ต่างกรรมต่างวาระ โดยน.ส.จุฑาภาส จะเลือกเจรจากับผู้เสียหายแต่ละราย หากรายใดยินยอมเจรจาไกล่เกลี่ยสำเร็จ ก็สามารถถอนแจ้งความได้ ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ยังเคยถูกตำรวจ 191 จับกุมมาแล้วช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา และยังคงมีหมายจับติดตัวอีก 10 หมายจับ
...

ด้าน พ.ต.อ.สมบูรณ์ ที่กล่าวว่า การทำประกันรถ ลักษณะแบบนี้ ควรตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) หรือตัวแทนน่าเชื่อถือ รวมทั้งติดต่อกับบริษัทประกันภัยด้วยตนเอง ไม่ควรทำประกันผ่านตัวแทนที่ไม่เคยรู้จัก โดยเฉพาะกรณีที่มีการแจกสิ่งของเพื่อจูงใจ หรือมีราคาถูกเป็นพิเศษ เพราะอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้ ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อขอให้ไปแจ้งความร้องทุกข์ในท้องที่เกิดเหตุ เพื่ออายัดตัวผู้ต้องหาไว้ดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ยังอยู่ระหว่างติดตามตัวมาตัวนายโฟล์ค มาสอบสวนการกระทำ ก่อนนำตัว น.ส.จุฑาภาส ส่งพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.