คงจะไม่รอดน้ำมือตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สำหรับ Chad Andrew Elwartowski ชายชาวเฟรนช์โปลินีเซีย พักอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกาและนาเดีย ภรรยาสาวชาวไทย ที่กำลังหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจเนื่องจากกลัวความผิด ภายหลังกลายเป็นข่าวดังในข้ามคืน กรณีสร้างที่พักตามแนวทาง Seasteading (การตั้งถิ่นฐานแบบถาวรในทะเล ที่อยู่นอกเขตอำนาจรัฐของประเทศใดประเทศหนึ่ง) ใกล้กับ จ.ภูเก็ต และได้มีการโฆษณาชักชวนให้ผู้ที่ชื่นชอบในแนวคิดนี้มาอาศัยอยู่ในทะเล เพื่อจัดตั้งชุมชน
เป็นหัวข้อใหญ่ ประเด็นร้อนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อประชาชนให้ความสนใจในการนำเสนอข่าว บ้านลอยน้ำหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้าน 2 ชั้นขนาดเล็ก ทรงแปดเหลี่ยม ตั้งอยู่ในทะเลนอกชายฝั่ง จ.ภูเก็ต สามีภรรยาคู่นี้ตั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างบ้านหลังนี้อยู่ที่ 120,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 3.81 ล้านบาท) ซึ่งเป็นเงินที่ได้จากการลงทุนบิตคอยน์ แต่เมื่อก่อสร้างเสร็จสิ้น พบว่าค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 4.77 ล้านบาท)
กระทั่งต่อมา ทัพเรือภาคที่ 3 ส่งเรือ ต.991 เข้าดำเนินการตรวจสอบ และได้พบสิ่งก่อสร้างในทะเล เป็นที่พักอาศัยลอยน้ำของกลุ่ม Seasteading โดยมีเป้าหมายที่จะสถาปนาเป็นรัฐอิสระหรือเขตปกครองตนเองขึ้นในอนาคต ในบริเวณอาณาเขตทางทะเลของประเทศไทย โดยเรือ ต.991 ได้พยายามติดต่อทางวิทยุมารีนแบนช่อง 16 กับสิ่งปลูกสร้างของกลุ่ม Seasteading ปรากฏว่าไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด เรือ ต.991 จึงได้ตรวจสอบพบสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างลอยน้ำไม่ปรากฏสัญชาติและไม่มีผู้อยู่อาศัย ระหว่างตรวจสอบอยู่นั้น เรือ ต.991 ได้แจ้งเตือนเรือสินค้าจำนวน 3 ลำ ให้ระมัดระวังในการเดินเรือในเส้นทางดังกล่าว เพราะสิ่งก่อสร้างได้ปลูกสร้างในเส้นทางการเดินเรือปกติ
...


พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รรท.ผบก.ตม.3 ให้ข้อมูลกับทางทีมข่าว "เจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์" ว่า จากการตรวจสอบคนต่างด้าวที่เป็นผู้ดำเนินการลงทุนก่อสร้างบ้านลอยน้ำนั้น เข้าเมืองมาโดยใช้วีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราว หรือนอน-อิมมิแกรนท์ (Non-Immigrant) ซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยได้ 90 วัน หลังจากนั้นได้มีการต่อวีซ่ามาโดยตลอด วีซ่ายังไม่ขาด แต่เมื่อเกิดเหตุ ทางทัพเรือภาคที่ 3 ได้รายงานเข้ามายังตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ว่า บุคคลต่างด้าวรายดังกล่าวเข้ามาดำเนินการในลักษณะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งเข้าตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง มาตรา 12 บุคคลต่างด้าวที่มีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม และความปลอดภัยของประชาชน และความมั่นคงของราชอาณาจักร
ทาง ตม.ภูเก็ต ได้เสนอขออนุมัติเพิกถอนวีซ่าอยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้ว และได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาเรียบร้อยแล้วเช่นกัน จึงได้มีการดำเนินการลงบันทึกเป็นบุคคลต้องห้ามเข้าราชอาณาจักรแล้ว ซึ่งหลังจากนี้จะมีการแจ้งให้บุคคลต่างด้าวรายดังกล่าวทราบว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่ในประเทศไทยอีก และจากการตรวจสอบเอกสาร ตม.บุคคลต่างด้าวรายดังกล่าวยังอาศัยอยู่ในประเทศไทย ไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศแต่อย่างใด ขณะนี้อยู่ในระหว่างการติดตามตัว โดยมีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามตัวต่อไป อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมหารือวันต่อวันจนกว่าการแก้ไขปัญหาจะแล้วเสร็จ
"สาวไทยคนนี้ไม่ได้แต่งงานจดทะเบียนสมรสกับชายต่างด้าว ทั้งคู่อยู่ระหว่างหลบหนี ซึ่งทางตำรวจได้มีการติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด สืบสวนทางลับจนทราบว่ากบดานอยู่ที่ไหน จ่อผลักดันออกนอกประเทศตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป".
