วันที่ 12 เม.ย. เวลา 01.00 น. เกิดอุบัติเหตุคนขับรถเบนซ์พุ่งชนรถยนต์ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รอง ผกก. (สอบสวน) กก.2 บก.ป. เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ นางนุชนาถ งามสุวิชชากุล อายุ 44 ปี ภรรยาที่นั่งมาด้วยเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ส่วนลูกสาวคนเล็ก น.ส.พิญาภา งามสุวิชชากุล อายุ 16 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ขณะที่คู่กรณี นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 57 ปี เจ้าของบริษัท ไทยคาร์บอน แอนด์ กราไฟต์ อยู่ในสภาพมึนเมา
พูดจาไม่รู้เรื่อง
ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์พบว่า สูงถึง 260 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ปกติที่ต้องไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เป็นความสูญเสียของครอบครัวงามสุวิชชากุลที่ต้องสูญเสียพ่อและแม่ น้องสาวคนเล็กยังอาการสาหัส
ทางคดีพนักงานสอบสวนขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน ตามความผิด 5 ข้อกล่าวหา แต่ศาลตีกลับเอกสารพร้อมระบุให้พนักงานสอบสวนแก้ไขสำนวน 2 ข้อหาคือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และ พยายามฆ่าผู้อื่น
เนื่องจากเห็นว่า เป็นการแจ้งความที่ให้โทษหนักเกินกว่าการกระทำความผิด
ต้องแก้ไขแจ้ง 3 ข้อหาคือ ขับรถขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ขับรถขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย
ศาลพิจารณารับคำร้องขอฝากขังและนักธุรกิจผู้ถูกกล่าวหายื่นหลักทรัพย์เพื่อประกันตัวชั่วคราว ศาลอนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราว โดยตีราคาประกัน 200,000 บาท
ก่อนให้ประกันตัวชั้นศาล
คดีนี้มีเสียงหลายฝ่ายเรียกร้องชี้ให้เห็นถึงการไม่เคารพยำเกรงกฎหมาย ผู้ขับขี่ดื่มสุราโดยรู้ว่าจะทำให้เมาขาดสติ และไม่สามารถควบคุมขับขี่ยานพาหนะได้โดยปลอดภัย เฉี่ยวชนจนเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ ทำให้คนตายได้ จึงถือเป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่า โดยเล็งเห็นผลตามกฎหมาย
...
คนที่ใช้ถนนต้องเสี่ยงชีวิตกับคนดื่มสุราขับขี่รถยนต์และมอเตอร์ไซค์บนท้องถนน ไม่ใช่คดีแรก แต่มีอีกหลายครอบครัวที่ต้องสูญเสียชีวิตหัวหน้าครอบครัว และลูกหลานไปกับคนที่เมาสุราขับขี่รถโดยขาดสติ
ไม่รู้เมื่อไรที่จะควบคุม “คนเมาแล้วขับ” ให้พ้นไปจากท้องถนน เพื่อไม่ให้ผู้ที่บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อ
ทั้งที่นโยบายของภาครัฐรณรงค์เรื่องลดอุบัติเหตุที่เกิดจากการเมาสุรา ซึ่งเป็นสาเหตุที่สูงที่สุดที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูญเสียทั้งชีวิตทรัพย์สิน การใช้มาตรการทางกฎหมายที่เข้มข้น เป็นเรื่องที่จำเป็นเพื่อคุ้มครองสังคมโดยส่วนรวม พอมีเหตุเกิดขึ้นมีคนมาเรียกร้องเพิ่มโทษ แต่สุดท้ายเรื่องเงียบหายไป
ไม่นานมีเหตุเกิดขึ้นมาอีก.
“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th