พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ยังสรุปสาเหตุ เพลิงไหม้ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ไม่ได้ แต่ชี้ชัด ข้อต่อช่องระบายอากาศเกิดรอยรั่ว ทำให้กลุ่มควันเปลวเพลิงเข้าไปในอาคารแทนที่จะระบายไปด้านนอก ยัน ต้นเพลิงไหม้อยู่ชั้น b2
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 12 เม.ย. พ.ต.ท.ทวีป สุทธิ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ปทุมวัน เปิดเผยกรณีเหตุเพลิงไหม้ ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวน เรียกพยานมาสอบปากคำ ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์และพนักงานบาดเจ็บไปแล้ว ทั้งหมด 10 ปาก เพื่อใช้ประกอบในสำนวนคดี โดยยังไม่มีการแจ้งข้อหาแก่บุคคลใด เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุของเพลิงไหม้ นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการรอผลการตรวจสอบพยานหลักฐานและที่เกิดเหตุจากกองพิสูจน์หลักฐานและพร้อมทั้งข้อมูลจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.)
พ.ต.ท.ทวีป เปิดเผยต่อไปว่า เมื่อวานเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถลงไปตรวจสอบต้นเพลิงบริเวณชั้น บี2 ได้ เนื่องจากในจุดดังกล่าวยังมีน้ำท่วมขังจากการดับเพลิงและสารเคมีที่ใช้ในการดับเพลิงปะปนอยู่เป็นจำนวนมาก โดยทางห้างจะดำเนินการสูบน้ำในชั้นดังกล่าวออก และทำความสะอาดโฟมหรือสารเคมีที่ใช้ในการดับเพลิงออก และเมื่อดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะประสานให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและ วสท. เข้ามาตรวจสอบในจุดต้นเพลิงอีกครั้งหนึ่ง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถระบุวันเวลาที่แน่นอนได้ เนื่องจากต้องรอให้ห้างดำเนินการเสร็จเรียบร้อยก่อน
...
พ.ต.ท.ทวีป เผยต่ออีกว่า ส่วนสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้พนักงานสอบสวนยังไม่สามารถสรุปหาสาเหตุที่แน่นอนได้ แต่เบื้องต้นสามารถยืนยันได้ว่าจุดต้นเพลิงอยู่ที่ชั้น b2 ของห้างดังกล่าว โดยในจุดเกิดเหตุเกิดเพลิงไหม้ขึ้นก่อนที่เปลวไฟและกลุ่มควันจะไปตามช่องระบายอากาศด้วยความร้อนที่สูงมากจึงทำให้ข้อต่อที่เป็นลักษณะโค้งบริเวณชั้น 8 เกิดรอยรั่วจนทำให้กลุ่มควันและเปลวเพลิงเข้าไปภายในตัวอาคารแทนที่จะระบายออกไปด้านนอก
ส่วนบรรยากาศของห้างเซ็นทรัลเวิลด์ พบว่ามีลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ เดินทางมาท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยตามปกติ จำนวนมาก โดยเฉพาะในฝั่งร้านอาหาร แต่ยังมีกลิ่นเหม็นไหม้อ่อนๆ ลอยฟุ้งภายในห้าง ซึ่งจะได้กลิ่นชัดเจน บริเวณชั้น 6 และชั้น 7 สำหรับอาคารที่เกิดเพลิงไหม้ บริเวณชั้น 8 ยังพบรอยไหม้ติดอยู่ที่ผนัง และชั้นล่าง เปิดให้เฉพาะรถเข้าส่งสินค้าเข้าออกได้ ซึ่งมี รปภ. ดูแลอย่างใกล้ชิด