ทอม-ดี้ รุดเจรจาแม่ 2 พี่น้อง กรณีรุมทำร้ายที่หน้าโรงเรียน รับมีการทะเลาะวิวาท ใช้มือผลักหน้าเด็ก แต่ไม่ได้ทำรุนแรง พร้อมเจรจา หวังให้เรื่องจบ อยากใช้ชีวิตปกติ ขณะที่อีกฝ่าย ไม่ไกล่เกลี่ย ขึ้นรถหลบออกจากโรงพักทันที ...

จากกรณีแม่วัย 38 ปี พาลูกชายและลูกสาวชั้น ป.6 และม.2 เข้าแจ้งความที่ สน.บางชัน หลังถูกทอมและดี้ รุมทำร้ายหน้าโรงเรียน สาเหตุเพราะฝั่งทอมจอดรถขวางหน้ารถ โดยทางฝ่ายทอมยอมขยับรถ แต่ชูนิ้วกลางพูดจาหยาบคาย สุดท้ายเกิดทะเลาะวิวาทจนเด็กทั้ง 2 คนได้รับบาดเจ็บ ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้  

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 2 เม.ย. แม่วัย 38 ปี พร้อมด้วย ลูกสาว และลูกชาย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.หญิง ปุณณิศา ชัยพลเดช สว.(สอบสวน) สน.บางชัน เจ้าของคดี เพื่อให้การเพิ่มเติม 

ด้าน พ.ต.อ.อดิศักดิ์ ชูพันธุ์ ผกก.สน.บางชัน เผยว่า วันนี้ไม่มีการนัดทั้ง 2 ฝ่ายมาไกล่เกลี่ย แต่ทางแม่และเด็ก เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อรวบรวมหลักฐาน นอกจากนี้ จะนัดทีมสหวิชาชีพเข้าสอบสวนเด็กทั้ง 2 คน ต่อไป คาดว่าจะออกหมายเรียกให้คู่กรณีเข้าพบพนักงานสอบสวนเร็วๆ นี้ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ไม่ขอเปิดเผย

จากนั้น เวลา 12.00 น. นางสาวดวงกมล กลั่นกลิ่น อายุ 41 ปี สาวทอมคู่กรณี พร้อมด้วย นางสาวทิพยรัตน์ เผือกลาดพร้าว เพื่อนสาวคนสนิท เดินทางมาติดตามความคืบหน้าที่ สน.บางชัน

โดย นางสาวดวงกมล กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.บางชัน และยังไม่ได้รับการติดต่อจากตำรวจ เพื่อเข้าให้ปากคำแต่งอย่างใด กระทั่งทราบข่าวว่า คู่กรณีเข้าพบพนักงานสอบสวน ตนจึงตั้งใจมาแสดงความบริสุทธิ์ และประสงค์จะไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี พร้อมยอมรับว่า ข้อเท็จจริงวันนั้นมีการทะเลาะวิวาทกันจริง ส่วนเด็กทั้ง 2 คน ได้พยายามวิ่งเข้ามาขัดขวาง ตนจึงใช้มือผลักใบหน้าของเด็ก 2 ครั้ง ยืนยันไม่ได้ทำร้ายร่างกายรุนแรงตามที่มีการนำเสนอออกไป

...

ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียน ที่บอกว่าตนใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุกับเด็กนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะมีภาพกล้องวงจรปิด ยืนยันความบริสุทธิ์ ซึ่งตนก็พร้อมที่จะเจรจาไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี เพราะต้องการให้เรื่องจบ และตนจะได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ เพราะตั้งแต่ที่มีคนนำภาพ และข้อความไปแชร์ลงโซเชียลมีเดีย ก็ส่งผลให้ตนถูกข่มขู่ คุกคาม จนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ กลัวว่าจะได้รับอันตราย

ส่วนคนที่โพสต์ข้อความต่างๆ ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่เฟซบุ๊กของตนแน่นอน แต่มีคนสร้างเฟซบุ๊กปลอมขึ้นมานับ 10 เพจ เพื่อแชร์ข้อความเป็นเท็จ และสร้างความเสียหายต่างๆ นานา รวมถึงกรณีที่มีสื่อมวลชนบางสำนักนำข้อมูลที่ไม่ได้ตรวจสอบไปเผยแพร่ ซึ่งตนได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด มาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในวันนี้ด้วย

ทั้งนี้ หลังจากตนเข้าไปพบพนักงานสอบสวน และคู่กรณีแล้ว ตนได้รับแจ้งจากพนักงานสอบสวนว่า คู่กรณีไม่พร้อมที่จะเจรจา ก่อนที่ต่อมา แม่ของเด็กทั้งสองคน จะเดินออกจากห้องสอบสวน หลบหน้าสื่อมวลชน และวิ่งไปขึ้นรถยนต์ส่วนตัวที่จอดอยู่บริเวณด้านหลังของโรงพัก และออกไปทันที

ขณะที่พนักงานสอบสวนบอกว่า คดีนี้ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และยังต้องสอบปากคำพยานหลายปาก จึงยังไม่มีการแจ้งกล่าวหากับผู้ใด.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง