โบว์ ณัฏฐา พร้อมทีมทนายความ มายังศาลอาญา เพื่อยื่นฟ้อง "เปลวสีเงิน-เทอดศักดิ์-มงคลกิตติ์" ข้อหาหมิ่นประมาท นำเอาภาพแอบถ่ายและโลโก้มาใช้ดิสเครดิตทางการเมือง และยังกลั่นแกล้งในโลกออนไลน์...
ที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 15 มี.ค.2562 น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ นักกิจกรรมเพื่อสิทธิพลเมือง พร้อมทีมทนายความจากสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ (สกสส.) ประกอบด้วย นายปกาสิต ไตรยสุนันท์, นายรัฐศักดิ์ อนันตริยกุล, นายธำรงค์ หลักแดน และนายกัณต์พัศฐ์ สิงห์ทอง เดินทางไปเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายโรจน์ งามแม้น หรือ เปลว สีเงิน ประธานกรรมการบริหารหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์และคอลัมนิสต์, นายเทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ยูทูบเบอร์วิเคราะห์การเมือง และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เป็นจำเลย ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328
น.ส.ณัฏฐา กล่าวว่า ในช่วงเดือน ธ.ค.2561 - ม.ค. 2562 ที่ผ่านมา มีสื่อหลายรายที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่โดยจรรยาบรรรณ และนำอาชญากรรม คือภาพแอบถ่ายและตัดต่อโลโก้เพื่อดิสเครดิตทางการเมือง ที่เกิดกับตนมาขยายผลเพื่อโจมตีทางการเมือง และหลายรายที่มีการสื่อสารเข้าข่ายหมิ่นประมาทชัดเจน ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมการคุกคามในโลกออนไลน์ (Cyber Bullying) เป็นวงกว้าง ในขณะที่ยังมีสื่อที่ดีที่พยายามรักษาจรรยาบรรณและรายงานข่าวโดยเคารพสิทธิของผู้เสียหาย ตนจึงอยากให้การฟ้องร้องครั้งนี้เป็นตัวอย่างของการสร้างบรรทัดฐาน กระตุ้นให้สื่อมวลชนทำงานโดยมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ในขณะเดียวกันก็หวังจะเป็นการให้กำลังใจสื่อน้ำดี ที่ยอมสละเรตติ้งที่อาจได้มาง่ายๆ จากการสร้างความบันเทิงด้วยการใส่สีตีไข่ในข่าวจากอาชญากรรม และขอแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจสื่อเหล่านั้นเพื่อสร้างมาตรฐานที่ดีกับสังคมต่อไป
...

นักกิจกรรมเพื่อสิทธิพลเมือง กล่าวต่อว่า บุคคลที่ทำการหมิ่นประมาทผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ หรือคลิปวิดีโอ ล้วนเป็นไปเพื่อการโจมตีทางการเมือง มีการแต่งเรื่องต่างๆ นานา เพื่อให้เกิดความเสียหาย และดิสเครดิตการเคลื่อนไหวของตน เช่น กล่าวหาว่ารับเงินต่างชาติมาเคลื่อนไหวบ่อนทำลายประเทศ ซึ่งล้วนเป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย วิญญูชนที่วิจารณญาณไม่บกพร่อง ย่อมพิจารณาได้ว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทุกประเด็นการเคลื่อนไหวของตนล้วนอยู่ในหลักการของประชาธิปไตย ปกป้องสิทธิมนุษยชน และเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของพลเมืองทุกคน ไม่มีการเคลื่อนไหวครั้งไหนหรือประเด็นใดที่หลุดไปจากหลักการเหล่านี้แม้แต่ครั้งเดียว

น.ส.ณัฏฐา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่า การใส่ร้ายป้ายสีที่เข้าข่ายหมิ่นประมาทโดยสื่อฝ่ายตรงข้ามส่วนใหญ่นั้น มักกระทำโดยรู้ตัวว่ากำลังหมิ่นประมาทอยู่ จึงมีความพยายามใช้เทคนิคพูดอ้อมๆ หรือไม่ได้อ้อมแต่ตบท้ายว่าจริงๆ ไม่รู้นะว่ากำลังพูดถึงใคร ซึ่งตนคิดว่าเป็นพฤติกรรมที่ขาดความละอายแก่ใจ ไม่ตรงไปตรงมา และไม่เป็นตัวอย่างที่ดีต่อสังคม โดยเฉพาะเยาวชนที่เข้าถึงสื่อเหล่านั้นได้ หากเกิดเป็นพฤติกรรมเลียนแบบอย่างที่เกิดขึ้นแล้วในปริมาณมาก ก็จะเกิดความเสื่อมและตกต่ำทางจริยธรรมขึ้นในสังคม โดยเฉพาะเมื่อเกิดกับเหยื่ออาชญากรรม คงไม่ใช่ทุกคนที่จะรับความกดดันในระดับที่ตนเผชิญมาตลอดเวลาสามเดือนได้
ด้านนายปกาสิต ไตรยสุนันท์ หัวหน้า สกสส. ทีมทนายความเผยว่า คดีนี้แยกฟ้องจำเลยทั้งสามคนละสำนวน สกสส. ได้รับการร้องขอจาก น.ส.ณัฏฐา ซึ่งถูกละเมิดสิทธิ กรณีนี้เป็นการทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ด้วย การยื่นฟ้องจึงเป็นการปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามรัฐธรรมนูญ.