30 เครือข่ายองค์กรด้านเด็กอัดนโยบายพรรคการเมืองเมินเยาวชน เน้นแข่งขันสร้างความไม่เท่าเทียม จี้สกัดปัจจัยเสี่ยง ป้องกันเด็กจากภัยในสังคม เปิดพื้นที่สร้างสรรค์ ผุดกองทุนเพื่อเด็ก...
เมื่อวันที่ 14 มี.ค.2562 ที่เดอะฮอล์บางกอก วิภาวดี เครือข่ายองค์กรด้านเด็กและเยาวชน 30 องค์กร ปิดเวทีวิพากษ์นโยบายพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน โดย นายวันชัย พูลช่วย ผู้ประสานงานเครือข่ายนักกฎหมายเพื่อเด็กและเยาวชน กล่าวว่า จากการเฝ้าติดตามของเครือข่ายฯ พบว่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนของแต่ละพรรคพบมีอยู่น้อยจนถึงไม่มีเลย มีเพียง 5 พรรคที่พูดถึงตามเวทีต่างๆ แต่ไม่ใช่นโยบายหลัก โดยเฉพาะยังเน้นแต่เด็กเยาวชนในระบบการศึกษา ไม่เลียวแลเด็กเยาชนกลุ่มที่อยู่นอกระบบการศึกษาที่มีจำนวนมาก โดยทิ้งไว้ข้างหลังไม่ใยดี ไม่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมเด็กเยาวชนทั้งในและนอกระบบจนเกิดความเหลื่อมล้ำ
นายสุรนาถ แป้นประเสริฐ แกนนำคนทำงานด้านเด็กและเยาวชน 30 องค์กร กล่าวว่า นโยบายที่เกี่ยวข้องกับเด็กเยาวชนของแต่ละพรรคปรากฏเพียงระดับหนึ่งที่ยังมุ่งเน้นสร้างสวัสดิการ ให้เงินสารพัดรูปแบบ ชูการศึกษาที่เน้นแข่งขันสู่ความเป็นเลิศ สร้างความไม่เท่าเทียม ไม่เพียงพอกับการรับมือกับปัญหาที่รายล้อมตัวเด็กเยาวชน แทบไม่เห็นพรรคใดมุ่งเน้นแก้ปัญหาปัจจัยเสี่ยง ซึ่งเกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน อันเกิดจากสภาพแวดล้อมที่ผู้ใหญ่สร้างขึ้น

...
แกนนำคนทำงานด้านเด็กและเยาวชน 30 องค์กร กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาที่เด็กและเยาวชนต้องเผชิญ และอยากเห็นแต่ละพรรคการเมืองจะแก้อย่างไร อาทิ เด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ก่อคดีเข้าสู่สถานพินิจฯ มากกว่า 30,000 คนต่อปี เกือบครึ่งเป็นคดียาเสพติด ต้องออกจากโรงเรียนกลางคันอีกเกือบหมื่นคนต่อปี ติดยาเสพติด 300,000 คนต่อปี มีนักดื่มหน้าใหม่ 250,000 คนต่อปี เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุปีละ 2,510 ราย เล่นพนัน 3.6 ล้านคนต่อปี ในรอบปีมีข่าวความรุนแรงทางเพศในเด็กและเยาวชน กว่า 317 ข่าว ตลอดจนสถิติการท้องก่อนวัยอันควร ที่สูงเป็นอันดับสองของอาเซียน ใช้เวลากับหน้าจอ 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ต้องเผชิญกับปัญหาถูกกลั่นแกล้งและตกเป็นเหยื่อทางออนไลน์ (Cyber Bullying) เป็นต้น
นายสุรนาถ กล่าวอีกว่า เครือข่าย 30 องค์กร ขอแสดงจุดยืนต่อพรรคการเมืองดังนี้
1. ขอแสดงความเสียใจต่อนโยบายของพรรคการเมืองที่ยังไม่สะท้อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาในกลุ่มเด็กและเยาวชนอย่างแท้จริง จนทำให้เราเป็นห่วงว่าเด็กและเยาวชนไทยจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
2. ขอเรียกร้องให้พรรคการเมืองมีนโยบายปกป้องเด็กและเยาวชนจากปัจจัยเสี่ยงทางสังคม ทั้งประเด็นยาเสพติด การพนัน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปัญหาการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ท้องก่อนวัยอันควร การถูกออกจากโรงเรียนกลางคัน และปัญหาการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ

3. มีนโยบายการพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์ ลดพื้นที่เสี่ยงในชุมชน มีความปลอดภัย
4.ขอให้พรรคการเมืองมีนโยบาย จัดตั้งกองทุนเพื่อเด็กและเยาวชน เพื่อสนับสนุนการรวมกลุ่มในทางสร้างสรรค์พัฒนาเด็กและเยาวชนให้เห็นศักยภาพ สร้างความเข้มแข็ง ทักษะชีวิตและส่งเสริมพลังเยาวชนเพื่อร่วมขับเคลื่อนสังคมที่มีคุณภาพด้วยตัวเด็กและเยาวชนเองเป็นกองทุนที่เป็นอิสระเข้าถึงง่าย ไม่อยู่ภายใต้ระบบราชการ.