ศาลยกฟ้องแกนนำพันธมิตรฯ นำโดย “สนธิ ลิ้มทองกุล” พร้อมพวก 21 คน คดีบุกล้อมรัฐสภาปี 2551 ชี้คำให้การพยานโจทก์ ที่เป็นตำรวจ 4 นาย ขณะเข้าไปหาข่าวและดูแลความเรียบร้อยการชุมนุม ยืนยันว่าแกนนำ ประกาศตลอดเวลาว่า ห้ามนำอาวุธและดื่มแอลกอฮอล์ในที่ชุมนุม สถานการณ์บานปลายเพราะตำรวจยิง แก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ไม่ได้เกิดเพราะการยุยงปลุกปั่น พิพากษายกฟ้อง

ที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 มี.ค. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง 1.นายสนธิ ลิ้มทองกุล 2.นายพิภพ ธงไชย 3.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 4.นางมาลีรัตน์ แก้วก่า 5.นายประพันธ์ คูณมี 6.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 7.นายสุริยะใส กตะศิลา 8.นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือนายรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี 9.นายสำราญ รอดเพชร 10.นายศิริชัย ไม้งาม 11.นายสาวิทย์ แก้วหวาน 12.นายพิชิต ไชยมงคล 13.นายอำนาจ พละมี 14.นายกิตติชัย ใสสะอาด 15.นายประยุทธ วีระกิตติ 16.นายสุชาติ ศรีสังข์ 17.นายสมบูรณ์ ทองบุราณ 18.นายศุภผล เอี่ยมเมธาวี 19.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก 20.นายพิเชฐ พัฒนโชติ และ 21.นายวีระ สมความคิด เป็นจำเลยฐานร่วมกันประทุษร้ายเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกระด้างกระเดื่องในบ้านเมือง เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน เป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยผู้กระทำมีอาวุธ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น และข้อหาอื่นๆ ตาม ป. อาญา ม.116 215 216 309 และ 310

อัยการฟ้องว่า เมื่อวันที่ 5-7 ต.ค.51 จำเลยและกลุ่มพันธมิตรหลายพันคน ร่วมมั่วสุมภายในทำเนียบรัฐบาล ตั้งเวทีปราศรัยยุยงปลุกปั่นให้กลุ่มพันธมิตรทั้งประเทศไปรวมตัวปิดล้อมรัฐสภา ไม่ให้ ส.ส. ส.ว.และ ครม.เข้าร่วมประชุมสภา ใช้รถติดเครื่องขยายเสียงพร้อมนำลวดหนาม แผงกั้นเหล็ก และยางรถยนต์ไปที่ลานพระบรมรูปทรงม้าขวางรอบรัฐสภา ทำให้ประชาชนไม่สามารถผ่านได้ ปราศรัยปลุกระดมให้ล้อมรัฐสภาเป็นเหตุให้ ส.ส.และ ส.ว.บางส่วนเข้าประชุมไม่ได้ จำเลยกับพวกยังร่วมกันข่มขืนใจนายสุริยา ปันจอร์ ส.ว.สตูล นายมณฑล ไกรวัตนุสรณ์ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคเพื่อไทย นายปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย และข้าราชการฝ่ายการเมืองหลายคนให้กลับบ้าน ขู่ให้กลัวว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดอันตรายต่อชีวิต และยังโห่ร้อง ด่าทอ ใช้หนังสติ๊ก ปืนยิงมีดฟัน ใช้ปลายธงแหลมแทงเจ้าหน้าที่บาดเจ็บสาหัส และนำโซ่ล็อกกุญแจทางเข้า-ออกสภาทุกด้านประกาศขู่ว่า หากไม่ยุบสภาในเวลา 18.00 น. จะจับตัวประธานสภาและประธานวุฒิสภารวมทั้งสมาชิกทั้งหมด สมาชิกรัฐสภาบางส่วนต้องปีนกำแพงหนีออกด้านพระที่นั่งวิมานเมฆ เจ้าหน้าที่หลายคนถูกขังเป็นเวลาหลายชั่วโมง และก่อพฤติการณ์ร้ายแรงอื่น เช่น มีกลุ่มผู้ชุมนุมขับรถกระบะไล่ชนตำรวจที่ศาลอาญาลงโทษไปแล้ว ขอให้ศาลลงโทษ จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ขณะที่จำเลยบางส่วนได้ประกันตัวระหว่างพิจารณาคดีคนละ 200,000 บาท มาศาลครบทุกคน บางส่วนมาจากเรือนจำเช่น นายสุริยะใส กตะศิลา ที่ถูกจำคุก 8 เดือนคดีบุกทำเนียบ

...

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังว่า ระหว่างการชุมนุมมี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และจำเลยที่ 1-21 ประกาศตลอดเวลาห้ามผู้ชุมนุมนำอาวุธและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาในพื้นที่ชุมนุม ขณะที่พยานโจทก์เป็นตำรวจ 4 นายได้รับมอบหมายให้มาสืบสวนหาข่าว ดูแลความปลอดภัยบริเวณชุมนุม เบิกความตอบคำถามค้านของทนายจำเลยไปในทิศทางเดียวกันว่า ระหว่างการชุมนุมบริเวณสภาตั้งแต่ 5-7 ต.ค. ไม่พบว่ามีผู้ชุมนุมเข้าไปในอาคารรัฐสภาและทำลายทรัพย์สิน แต่การชุมนุมนั้นเป็นไปโดยสงบภายใต้เจตนาการคัดค้านการแถลงนโยบายรัฐบาล

การนำสืบยังฟังได้ว่า การชุมนุมครั้งนี้การปราศรัยเป็นเพียงการให้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อว่า รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นหุ่นเชิดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยุคนายสมัครยังเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ 237 และ 309 เพื่อช่วยเหลือให้นายทักษิณพ้นจากการตรวจสอบคดีทุจริต 13 โครงการโดย คตส. และช่วยเหลือให้พรรคพลังประชาชนพ้นจากคดียุบพรรค จึงฟังได้ว่า การชุมนุมดังกล่าวของกลุ่มพันธมิตรเป็นไปโดยสงบตามสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 ประชาชน

ในฐานะเจ้าของประชาธิปไตยร่วมตรวจสอบนักการเมือง แกนนำเอาข้อมูลข้อเท็จจริงมาสื่อสารให้ประชาชนทราบ คดีเหล่านั้นมีบทพิสูจน์แล้วจากคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่น คดีซื้อที่ดินรัชดาฯ ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นหลังตำรวจยิงแก๊สน้ำตาระงับการชุมนุม เป็นไปอย่างปัจจุบันทันด่วน เกินกว่ากลุ่มผู้ชุมนุมคาดหมายและเตรียมตัวทัน เป็นธรรมดาที่ผู้ชุมนุมมีความกดดันและเห็นเพื่อนบาดเจ็บวิ่งหลบหนี บางส่วนอาจตอบโต้เป็นกรณีเฉพาะราย ไม่ใช่เกิดจากจำเลยปลุกปั่นยุยง การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

หลังฟังคำพิพากษาจำเลยต่างมีสีหน้าสดชื่นจับมือดีใจ มีประชาชนผู้มีรสนิยมทางการเมืองเดียวกันต่างมารุมล้อม นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เผยว่า ขณะเกิดเหตุสลายการชุมนุมดังกล่าว ไม่มี พล.ต.จำลอง เพราะติดคุกอยู่กับตน ตามหมายจับคดีเคลื่อนไหวชุมนุมดาวกระจายก่อนหน้านั้น คดีนี้ศาลพิพากษายกฟ้องเนื่องจากสืบพยานทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลย การชุมนุมของจำเลยทั้ง 21 คนและพี่น้องประชาชนเป็นการชุมนุมตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ มีความชอบธรรม เหตุการณ์รุนแรงเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่อย่างฉับพลัน ทำให้ผู้ชุมนุมบางคนอยู่ในอารมณ์โกรธ เพราะได้รับความรุนแรง มีความคิดในเชิงไม่พอใจการทำหน้าที่ของตำรวจ ไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอน และไม่พอใจต่อการทำหน้าที่ของ ส.ส.ขณะนั้น ที่เพิกเฉยต่อเหตุการณ์ความรุนแรงกับประชาชนเจ้าของอำนาจประชาธิปไตย