ถึงช่วงฤดูแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจทีไร ก็มีอาชีพเสริมให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสทำมาหากินทางลัด หวังกอบโกยเงินกันจนรวยอู้ฟู่ กระทั่งท้ายที่สุดหนีไม่พ้นมือตำรวจ ถูกสืบสวนจับกุมยัดเข้าซังเตกันทุกรายรำ่ไป แต่ก็มิวายมีมิจฉาชีพรายใหม่ ทำพฤติกรรมเลียนแบบซ้ำๆ ทุกฤดูแต่งตั้งโยกย้าย ล่าสุดเอาอีกแล้ว... คู่ผัวเมียใจกล้า (มาก) เพราะไม่ได้สร้างเรื่องมาหลอกแค่ตำรวจ หรือประชาชนธรรมดาๆ แต่กล้าดีถึงขั้นที่ว่า "หลอกบิ๊กข้าราชการระดับสูง (มากๆ) หน่วยงานหนึ่ง" เป็นเหตุให้โป๊ะแตก ถูกสาวไส้นำสู่การสืบสวนจับกุมในที่สุด
ผู้ต้องหาได้นำภาพถ่าย และชื่อของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. (บิ๊กแป๊ะ) และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. (บิ๊กโจ๊ก) โดยการสร้างเป็นบัญชีไลน์ขึ้นมาใหม่ 2 บัญชี เพื่อหลอกพูดคุยกับเหยื่อที่ต้องการจะหลอกลวง นอกจากจะปลอมบัญชีไลน์ขึ้นมาพูดคุยกับคู่สนทนาแล้ว ยังสร้างเรื่องว่าตนเองมีความสนิทสนมเป็นอย่างดีกับบิ๊กตำรวจทั้งคู่ เป็นเหตุให้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเหยื่อซึ่งเป็นตำรวจ และต้องการจะวิ่งเต้นโยกย้าย
หลอกตำรวจ โอนเงินเข้าแลกตำแหน่ง ให้คำมั่นชัด คำสั่งนี้รุ่งแน่
หนึ่งในผู้ที่เคยเกือบตกเป็นเหยื่อ ให้ข้อมูลเราว่า ได้รู้จักกับ 2 ผัวเมีย ผ่านการแนะนำของเพื่อนตำรวจคนหนึ่ง โดยยืนยันว่าทั้งคู่รู้จักกับ บิ๊กโจ๊ก บิ๊กแป๊ะ จริง และสามารถวิ่งตำแหน่งได้ พร้อมตกลงค่าใช้จ่ายกับทั้งคู่เป็นราคาหลักแสน จากนั้นผู้ต้องหาทั้งคู่ได้ยืนยันความมั่นใจ โดยโชว์บัญชีไลน์ของ 2 บิ๊กตำรวจ ว่ามีการพูดคุยสนทนากันจริง
"ผมว่ามันแปลกๆ ไม่มีความน่าเชื่อถือ และมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ตำรวจระดับสูงขนาดนี้ จะมานั่งคุยไลน์ เล่นไลน์กับชาวบ้านเป็นเรื่องเป็นราว จึงรู้สึกไม่ชอบมาพากล และไม่ได้คุยอะไรกับใครต่อ ซึ่งต้องยอมรับว่าทั้งคู่มีจิตวิทยาในการพูดดี หากคนไม่มีไหวพริบ ก็คงจะตกเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ กระทั่งมาเห็น 2 สามีภรรยาอีกทีตอนถูกตำรวจคุมตัวแถลงข่าว พอเข้าใจได้ว่า เขาเกมแล้ว"
...
ปลอมตัวเป็น โจ๊ก - แป๊ะ แชตตุ๋น ตร. นับ 10 ราย รับเงินค่าวิ่งเต้น
พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผกก.3 บก.ปอท. จับกุม นายกิตติศักดิ์ สิริวิทยา อายุ 31 ปี และ น.ส.ไพลิน วีอูบแก้ว อายุ 29 ปี สองสามีภรรยาที่แอบอ้างเป็น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. เพื่อเรียกรับเงินวิ่งเต้นโยกย้ายข้าราชการตำรวจ
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า คดีนี้ บก.ปอท.ร่วมกับ บก.น.7 ในการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด หลังมีการปลอมไลน์ โดยการใช้รูปปลอมเป็น ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จากนั้นได้หลอกลวงเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าสามารถวิ่งเต้นตำแหน่งให้สูงขึ้นได้ เนื่องจากช่วงนี้อยู่ในช่วงการแต่งตั้งประจำปีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนมีเจ้าหน้าที่บางนายหลงเชื่อโอนเงินให้รวมกันเป็นจำนวนถึง 1.5 ล้านบาท มีผู้เสียหายเกือบ 10 ราย จึงดำเนินการสืบสวนสอบสวนจนกระทั่งทราบถึงผู้กระทำความผิด ซึ่งประกอบธุรกิจส่วนตัว แต่ช่วงหลังเกิดปัญหาทางด้านการเงิน จึงคิดวิธีการอย่างนี้ขึ้นมา
ข้าราชการระดับสูง หน่วยงานหนึ่ง หลงเป็นเหยื่อด้วย
อย่างที่เกริ่นไปว่า ไม่เพียงแต่เฉพาะตำรวจที่ตกเป็นเหยื่อ เพราะรอบนี้ข้าราชการระดับที่อยู่สูงกว่า บิ๊กแป๊ะ บิ๊กโจ๊ก ก็โดนหลอกด้วย ซึ่งทั้ง 2 ผัวเมียได้ใช้อุบายเดียวกันไม่มีผิดเพี้ยน ซ้ำร้ายข้าราชการระดับสูง (มากๆ) คนนี้ ดันซวยตกเป็นเหยื่อให้ 2 ผัวเมียหลอกเอาเงินนับล้านไปด้วย แต่ไม่สามารถเปิดหน้าออกข่าวได้ เพราะเกรงจะกระทบถึงหน่วยงาน อีกหนึ่งอย่างคือ หากถามหาความเชื่อมโยงในการวิ่งเต้นตำรวจของข้าราชการระดับสูงคนนี้ กับ 2 ผัวเมียผู้ต้องหา ขณะนี้ยังไม่มีใครให้รายละเอียดได้ รู้เพียงเป็น 1 ในเหยื่อที่กลายเป็นผู้เสียหาย และมีส่วนขับเคลื่อนให้ตำรวจตามจับ 2 ผัวเมียคู่นี้มาแถลงข่าวจนสำเร็จ
นำหมายเข้าจับกุมที่ลานจอดรถห้างดังย่านบางแค
เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม 2 สามีภรรยาได้ที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านบางแค ทั้งคู่อยู่ในสภาพตกใจ แต่ก็ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และได้ปลอมไลน์ของตำรวจทั้งคู่ขึ้นมาจริงๆ แต่หลังจากนั้น เป็นการให้ข้อมูลที่สับสนวกวนไปมา ชุดจับกุมจึงนำตัวส่งเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ในข้อหาฉ้อโกง และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ส่วนจะมีบุคคลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล เบื้องต้นเชื่อว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้น่าจะเริ่มลงมือกระทำความผิดในการแต่งตั้งครั้งนี้
...
พล.ต.ท.สุทิน กล่าวว่า คดีนี้อาจจะดูเหมือนไม่สำคัญ แต่ในโลกของสังคมโซเชียล สังคมไซเบอร์ การหลงเชื่อการหลอกลวงโดยการปลอม เป็นเรื่องที่แพร่หลายมาก กรณีนี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่เชื่อว่ากรณีอย่างนี้จะยังมีต่อไป จึงอยากจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับพี่น้องประชาชน ต้องรู้จักยั้งคิดแยกแยะ
บิ๊กแป๊ะ จัดหนัก กำชับให้จับโดยด่วน พร้อมจะเอาผิดในประเด็นส่วนตัว
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า รูปแบบการกระทำความผิดในลักษณะอย่างนี้มีมาอย่างช้านาน เพียงแต่กลุ่มมิจฉาชีพอาจปรับเปลี่ยนวิธีการในการกระทำความผิดตามสภาพสังคม คดีนี้เป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยตรงกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. เหตุการณ์ครั้งนี้มีกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้หลอกลวงเจ้าหน้าที่ตำรวจ อ้างว่าสามารถช่วยให้ได้รับตำแหน่งตามที่ประสงค์ แต่ต้องมีการจ่ายเงินจ่ายทอง โดยมีการเปิดบัญชีธนาคารเพื่อออกมารับเงินในกรณีนี้โดยเฉพาะ
“คดีนี้ ผบ.ตร.จะดำเนินคดีทั้งในประเด็นส่วนตัว และในส่วนของพนักงานสอบสวน อยากจะฝากเป็นอุทาหรณ์แก่ข้าราชการตำรวจว่าไม่มีใครช่วยท่านได้โดยเฉพาะการตกเบ็ด อยากให้ข้าราชการตำรวจตั้งใจทำงาน ผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการตามกรอบอยู่แล้ว ส่วนข้าราชการตำรวจที่หลงตกเป็นเหยื่อ ยังต้องมีการหารือกับผู้ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับงานวินัย เพราะต้องมองเป็น 2 ส่วน ว่าตนเองตกเป็นเหยื่อ หรือมีส่วนรับรู้ด้วยหรือไม่อย่างไร ซึ่งต้องอยู่ที่การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน” พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าว
...