ผู้การกองปราบฯลั่นเอาจริง “ยุทธการกวาดลานวัด” สั่งตำรวจ ในสังกัดทุกกองกำกับกวาดล้างผู้ต้องหาหนีคดีซุกผ้าเหลืองทั่วประเทศ ย้ำไม่ใช่เฉพาะคดีอาญา พระที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม ทั้งเสพยา เสพเมถุน เมาสุรา ล้วนอยู่ในข่ายต้องจัดการด้วยทั้งหมด ด้านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ขานรับไปในทางเดียวกัน ออกหนังสือถึง พศจ.ทั่วประเทศให้ เจ้าอาวาส หรือพระอุปัชฌาย์ ตรวจสอบคุณสมบัติ เบื้องต้นของผู้ที่จะขอบรรพชาอุปสมบทอย่างเข้มงวดทุกครั้ง
ผู้การกองปราบฯ ลั่นเอาจริง “ยุทธการกวาดลานวัด” สั่งตำรวจในสังกัดที่ดูแลพื้นที่ทั่วประเทศ ตรวจสอบจับพระมีคดีติดตัวไปตลอดไม่มีกำหนดเวลาและไม่มีการละเว้นครั้งนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 15 ก.พ. พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. เปิดเผยเรื่องการจับผู้ต้องหาที่หนีคดีไปบวชเป็นพระว่า สำหรับ “ยุทธการกวาดลานวัด” ที่กองปราบปราม ระดมจับกุมผู้ต้องหาที่มีหมายจับติดตัวแล้วหลบหนีไปบวชเป็นพระเมื่อวันที่ 13 ก.พ.นั้น เป็นนโยบายของ พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. ที่เล็งเห็นว่าหลายคดีที่ผ่านมามีพระตกเป็นผู้ต้องหาหลายราย จึงได้สั่งการให้กองปราบปรามตรวจสอบจับกุมผู้ต้องหาที่มีหมายจับแล้วหลบหนีไปบวชเป็นพระ จนทำให้พุทธศาสนามัวหมอง ตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกกองกำกับการในสังกัดกองปราบปราม ตรวจสอบหมายจับทั่วประเทศว่ามี ผู้ต้องหารายไหนหลบหนีไปบวชเป็นพระบ้าง
พล.ต.ต.จิรภพกล่าวต่อว่า เรื่องนี้กองปราบปราม ได้สืบสวนตรวจสอบหาข้อมูลมาก่อนที่จะมีการระดมกวาดจับเกือบ 3 อาทิตย์ เมื่อได้เป้าหมายแล้วจึงได้กำหนดวันกวาดล้างทั่วประเทศ ยุทธการนี้ไม่มีกำหนดเวลาว่าจะต้องทำถึงเมื่อไหร่ แต่จะสืบสวนตรวจจับไปเรื่อยๆจนกว่าผู้ต้องหาเหล่านี้จะหมดไป เป้าหมายที่จับได้ครั้งนี้รวมแล้วประมาณ 20 ราย เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังคงมีผู้ต้องหาอีกหลายรายที่กองปราบปรามอยู่ระหว่างตรวจสอบอยู่ ไม่ใช่เฉพาะคดีอาญาเท่านั้น พระที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เมาสุรา เสพเมถุน มั่วเซ็กซ์ มั่วยา ถ้ามีเบาะแสจะมาจากตำรวจกองปราบปรามเองก็ดีประชาชนก็ดีจะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบถ้าพบว่าผิดจริงจะจับกุมทั้งหมดไม่มีการละเว้น
...
ด้านนายสมเกียรติ ธงศรี รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ปฏิบัติราชการแทนผอ.พศ. ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เรื่องแนวทางการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ขอบรรพชาอุปสมบท ระบุว่า ตามหนังสือแจ้งมติมหาเถรสมาคม (มส.) ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 10 ม.ค.2562 เรื่อง แนวทางการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ขอบรรพชาอุปสมบท เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการตรวจสอบประวัติบุคคล ให้ พศ.หรือ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ส่งข้อมูลทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ให้กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยตรง ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยมีการแจ้งเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัดทราบและถือปฏิบัติในแนวทางเดียวกันแล้ว จึงขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณามอบ พศจ. สนับสนุนการดำเนินงานของคณะสงฆ์ต่อไป
สำหรับมติ มส. ครั้งที่ 1/2562 ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ขอบรรพชาอุปสมบท ดังนี้ 1.เจ้าอาวาสหรือพระอุปัชฌาย์ตรวจคุณสมบัติเบื้องต้นและรวบรวมเอกสารประจำตัวของผู้ขอบรรพชาอุปสมบท และมีหนังสือถึง พศ. หรือ พศจ. เพื่อส่งข้อมูลให้กองทะเบียนอาชญากร หรือสำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัด ตรวจประวัติบุคคลจากเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก 2.พศ. หรือ พศจ. รับข้อมูลผู้ขอบรรพชาอุปสมบทจากเจ้าอาวาสหรือพระอุปัชฌาย์ แล้วส่งข้อมูลให้กองทะเบียนอาชญากร หรือสำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัด ตรวจประวัติบุคคลจากเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก 3.กองทะเบียนอาชญากร หรือสำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัด รับข้อมูลผู้ขอบรรพชาอุป-สมบทจาก พศ. หรือ พศจ. แล้วตรวจประวัติบุคคล จากเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก โดยไม่เสียค่า ใช้จ่ายใดๆ 4.กองทะเบียนอาชญากร หรือสำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัด ตรวจประวัติบุคคลเสร็จเรียบร้อยแล้วแจ้งให้ พศ.หรือ พศจ.ทราบ ภายใน 15 วัน และ 5.พศ. หรือ พศจ. รับข้อมูลผู้ขอบรรพชาอุปสมบทจากกองทะเบียนอาชญากร หรือสำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัด ที่ตรวจสอบประวัติบุคคลแล้วแจ้งข้อมูลให้เจ้าอาวาสหรือพระอุปัชฌาย์ทราบ ภายใน 7 วัน