เพื่อนๆ รู้ข่าวฮือเอาเรื่อง! ยื้อยุดชุลมุน

หนุ่มช่างกลเทคโนฯแห่งหนึ่ง ย่านบางกะปิ ไล่ยิงตำรวจ สืบ 4 ที่จับผู้ต้องหาคดียาเสพติด ใส่ท้ายรถกระบะไปขยายผลย่านร่มเกล้า เนื่องจากเข้าใจผิดว่าเป็นคู่อริต่างสถาบัน ดวลปืนต่อสู้จนถูกวิสามัญฯดับคาถนน เพื่อนร่วมสถาบันแค้นกรูทำร้ายตำรวจ ผบช.น. เผย ชุดสืบสวนอ้างว่าเป็นการป้องกันตัว แต่ต้องสอบสวนให้ชัดเจนเพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งผู้เสียชีวิตและผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่

นักเรียนช่างกลดวลปืนกับตำรวจถูกวิสามัญฆาตกรรม เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 11 ก.พ. พ.ต.ท.สุธีร์ ตันสกุล สว.(สอบสวน) สน.มีนบุรี รับแจ้งเหตุคนร้ายถูกตำรวจยิงเสียชีวิต บริเวณถนนร่มเกล้าซอย 6 แขวงและเขตมีนบุรี กทม. จึงรีบรุดไปสอบสวนพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาญวิทย์ พุ่มโพธิ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.พรเทพ สูติปัญญา ผกก.สน.มีนบุรี และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง

ที่เกิดเหตุอยู่ระหว่างหน้าปากซอยร่มเกล้า 6 กับ 8 บนถนนพบศพนายเอกชัย บุญรัตน์ อายุ 22 ปี นักเรียนเทคโนโลยีบางกะปิ ชั้นปี 4 คณะช่างยนต์ สภาพนอนคว่ำสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าใต้ราวนมซ้าย 2 นัด หน้าอกขวา 1 นัด และหน้าท้องขวา 1 นัด ข้างศพพบอาวุธปืนขนาด.38 ถูกยิงจนหมดลูกโม่ บริเวณหัวเข็มขัดผู้ตายพบซองปืนเหน็บอยู่ และในกระเป๋ากางเกงมีกระสุนปืนขนาด.38 จำนวน 6 นัด ใกล้กันพบรถ จยย.ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนของผู้ตายล้มคว่ำอยู่ใกล้กับรถ จยย.ฮอนด้า คลิก สีดำ ทะเบียน 1 กค 1218 กรุงเทพมหานคร ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. 7 ปลอกและมีผู้บาดเจ็บฝ่ายตำรวจทราบชื่อนายวิฑูรย์ แซ่แต้ อายุ 35 ปี เป็นอาสาสมัคร ถูกยิงที่หน้าขาซ้าย 1 นัด นำตัวส่ง รพ.นพรัตนราชธานี

...

จากการสอบสวนพยานทราบว่า ก่อนเกิดเหตุชุด กก.สส.บก.น.4 จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด 5 คนจากย่านโชคชัย ควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ที่ท้ายรถกระบะมาสด้า 4 ประตู สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ษห 7672 กรุงเทพมหานคร นำตัวไปขยายผล โดยมี ด.ต.วิรัตน์ ชีตารัตน์ เป็นผู้ขับขี่ และ ด.ต.เอกกวี วงศ์ชนะ ทำหน้าที่ควบคุมผู้ต้องหาและมีรถ จยย.ขี่ประกบกันผู้ต้องหาหนี ระหว่างทางพบนายเอกชัย นั่งซ้อนท้ายรถ จยย. โดยมีนายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ขี่รถตีคู่รถกระบะเกิดด่าทอกันกับผู้ที่อยู่ท้ายรถ ก่อนขี่ปาดหน้ารถนายเอกชัยใช้ปืนยิงเข้าใส่รถ ตำรวจจึงขับพุ่งชนรถ จยย.เพื่อสกัดการหลบหนี ขณะเข้าจับกุมนายเอกชัยเปิดฉากยิงตอบโต้จนถูกยิงเสียชีวิต

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อนร่วมสถาบันของผู้ตายต่างตะโกนด่าท้าทายตำรวจนอกเครื่องแบบนายหนึ่งใส่เสื้อสีแดง เนื่องจากเชื่อว่าเป็นคนยิงเพื่อนเสียชีวิต พอฝนตกตำรวจคนดังกล่าวก็เดินขึ้นรถกระบะไปหลบฝน กลุ่มนักเรียนกว่า 50 คน วิ่งกรูกันไปทุบรถพยายามทำร้ายร่างกาย ตำรวจคู่กรณีจึงชักอาวุธปืนขนาด 9 มม.ขึ้นลำชี้ไปที่กลุ่มนักเรียนบอกว่า “ใครเข้ามากูยิง” กลุ่มนักเรียนต่างหยิบก้อนอิฐและขวดปาเข้าใส่จึงยิงปืนขึ้นฟ้า 2 นัดและยิงเข้าใส่กลุ่มนักเรียน 4 นัด ทั้งนักเรียนและผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องต่างวิ่งหลบกระสุนกันอลหม่านแต่ไม่มีใครบาดเจ็บ จากนั้นเจ้าหน้าที่รีบนำตัวออกจากพื้นที่

พ.ต.อ.ชาญวิทย์กล่าวว่า ตำรวจชี้แจงได้ในทุกประเด็นสามารถให้ความเป็นธรรมกับผู้ตายได้ ยืนยันไม่ได้เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุแต่เป็นการป้องกันตัว จากการตรวจสอบข้อมูลชุดจับกุมพบว่าไม่มีประวัติความขัดแย้งกับกลุ่มผู้ตาย ทั้งนี้ได้ตั้งข้อสังเกตว่าผู้ต้องหาที่อยู่ท้ายกระบะอาจชวนฝ่ายผู้ตายทะเลาะวิวาทเพื่อฉวยโอกาสหลบหนีโดยอยู่ระหว่างตรวจสอบ

มีรายงานว่า พนักงานสอบสวนนำตัว ด.ต.เอกกวีไปตรวจคราบเขม่าปืนที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. และ 11 มม. ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ต่อมามีนายชวลิต ปานขาว เข้ามอบตัวที่ สน.มีนบุรี ให้การรับสารภาพว่า ได้ยิงนายเอกชัยและเดินทางมากับตำรวจแจ้งเบาะแสยาเสพติด ที่บริเวณถนนเคหะร่มเกล้า เบื้องต้นดำเนินคดีนายชวลิต และ ด.ต.เอกกวี ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จากการสอบสวน ด.ต.เอกกวีให้การปฏิเสธว่าได้ปฏิบัติไปตามหน้าที่ จากการตรวจสอบประวัติของนายเอกชัย ผู้ตายพบเคยถูกจับคดีครอบครองอาวุธปืน ท้องที่ สน.หัวหมาก เมื่อปี 58 คดียาเสพติด เมื่อปี 61 หลบหนีการเกณฑ์ทหารพื้นที่ สน.ประเวศ

ต่อมา เวลา 10.00 น. พ.อ.อ.นภัสกร บุญรัตน์ อายุ 57 ปี ช่างเครื่อง บมจ.การบินไทย อยู่บ้านเลขที่ 181 ซอยรามคำแหง 106 แขวงและเขตสะพานสูง กทม. และนางเจียมใจ บุญรัตน์ อายุ 55 ปี บิดา และมารดาของนายเอกชัยได้เข้าพบพงส.สน.มีนบุรี ขอรับเอกสารไปยื่นรับศพลูกชายที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดลาดบัวขาว ย่านสะพานสูง กทม. พ.อ.อ.นภัสกร กล่าวว่า ลูกชายไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ส่วนอาวุธปืนมีทะเบียนไม่ใช่ของตนและไม่รู้ลูกชายเอามาจากไหน ส่วนคดีเตรียมร้องขอให้ชันสูตรพลิกศพถึงสาเหตุการตาย เนื่องจากลักษณะกระสุนถูกยิงจากด้านหลัง ถ้าฝ่ายตนผิดก็ยอมรับ หากอีกฝ่ายผิดก็ต้องยอมรับเช่นกัน ขอให้ทำคดีด้วยความยุติธรรม ตนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุหรือไม่ และเตรียมขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อหาข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้น

ด้าน พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. กล่าวว่า คดีดังกล่าวไม่มีความซับซ้อนคงไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ส่วนเป็นการป้องกันตัวหรือไม่ เท่าที่ได้รับรายงานลักษณะเหตุการณ์เป็นแบบนั้น ที่ตัวผู้ตายพบทั้งอาวุธปืนและลูกกระสุนปืนที่ยังเหลืออยู่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าตำรวจกระทำการเกินกว่าเหตุหรือไม่ หากภัยใกล้ถึงตัวแม้กระทั่งจะป้องกันคนอื่นทุกคนสามารถที่จะกระทำได้ ขอเพียงอย่างเดียวฝั่งตรงข้ามจะต้องเป็นผู้ยิงด้วยหรือยิงก่อน ถ้าเป็นลักษณะแบบนั้นคงไม่เป็นไร แต่ขอตรวจสอบรายละเอียดให้ครบถ้วนก่อนเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งผู้เสียชีวิตและผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่

...

ส่วน พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.4 กล่าวว่า คนยิงนักเรียนเสียชีวิตเป็นตำรวจ ขณะเกิดเหตุผู้ตายไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจับกุมคดียาเสพติดแต่อย่างใด เนื่องมาจากวันที่ 10 ก.พ. ตรงกับวันสถาปนาสถาบันเทคโนโลยีแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ จึงมีกลุ่มนักเรียนช่างขี่รถ จยย.บริเวณถนนร่มเกล้าและถนนรามคำแหงเป็นจำนวนมาก ชุดสืบสวน บก.น.4 ได้รายงานว่า ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ผู้ตายขี่รถ จยย.มาชี้หน้าตำรวจขณะขับรถกระบะ จากนั้นขี่แซงขึ้นมาคล้ายกับแสดงท่าทางให้รถหยุด ก่อนใช้ปืนยิงผู้ต้องหาที่นั่งอยู่บริเวณท้ายกระบะ และจ่อยิงกระจกด้านข้างฝั่งคนขับ กระทั่งเกิดการยิงต่อสู้กัน ฝ่ายผู้ตายใช้อาวุธปืนลูกโม่ยิงต่อสู้จนหมด 6 นัด ค้นภายในตัวยังมีกระสุนสำรองอีก 6 นัด และอาวุธมีดอีกด้วย