ลากคอกะเทยแสบ จองเวรเหยื่อชาวญี่ปุ่นตามสถานที่ท่องเที่ยวยามราตรีทั่วกรุง อ้างเป็น นักท่องเที่ยวชาวฮ่องกง-ไต้หวันทำกระเป๋าหาย ขอบัญชีธนาคารเหยื่อให้ญาติโอนเงินมาให้ แต่ขอเบิกเงินส่วนตัวมาให้ก่อน พอเหยื่อหลงเชื่อล่องหนเข้ากลีบเมฆ ก่อเหตุมาแล้วนับ 10 ปี ฟันเงินไปแล้วหลายสิบล้านบาท เอาเงินไปเลี้ยงเด็กผู้ชายและเล่นพนันออนไลน์ สอบประวัติอาชญากรพบติดคุกติดตะรางมาแล้วหลายครั้ง ล่าสุด เพิ่งพ้นโทษเมื่อปี 61 กลับมาก่อเหตุอีก 

ตำรวจรวบกะเทยเดนคุก เปิดเผยขึ้นที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 ก.พ.พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. พ.ต.ท.อาริศ คูประสิทธิรัตน์ รอง ผกก.สายตรวจ บก.สปพ. และ พ.ต.ท.นฤวัต พุทธวิโร สว.งานตรวจ 1 บก.สปพ. แถลงจับกุมนายอุทัย หรือปุ๊ก นันทะขันธ์ อายุ 43 ปี อยู่เลขที่ 38 หมู่ 2 ต.นาสอาด อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.41/ 2562 ลงวันที่ 21 ม.ค.2562 และหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.76/2562 ลงวันที่ 1 ก.พ.2562 ข้อหาฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น จับกุมบริเวณหน้าโรงแรมมิตรภาพเทียร่า ซอยบุญอยู่ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยว่า ช่วงระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นกว่า 10 คน ถูกชายลักษณะหญิงหลอกตุ๋นเงินเสียหายกว่า 10 ล้านบาท ส่วนใหญ่ถูกหลอกบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวยามราตรีถนนสุขุมวิทและทองหล่อ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองออกสืบสวนหาข่าว ทราบว่าผู้ที่ก่อเหตุคือนายอุทัย นันทะขันธ์ อายุ 43 ปี เป็นสาวประเภทสอง เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 3 ก.พ.ชุดสืบสวนพบผู้ต้องหาบริเวณโรงแรมดังกล่าวจึงแสดงตัวจับกุม

...

สอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า ก่อเหตุลักษณะดังกล่าวจริง อ้างสาเหตุมาจากช่วงที่กำลังศึกษาอยู่ระดับมหาวิทยาลัยปี 2 ไปเที่ยวกับผู้ชายชาวญี่ปุ่นที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย แล้วถูกหลอกทิ้งไว้ที่โรงแรมคนเดียว ต้องจ่ายค่าห้องและค่าใช้จ่ายอื่นทั้งหมด รู้สึกคับแค้นใจ นอกจากนี้ยังเคยถูกจำคุกคดีดังกล่าวมาแล้ว หลังพ้นโทษยังมีการโพสต์ข้อความและภาพของตนลักษณะแจ้งเตือนชาวญี่ปุ่นบ่อยครั้ง ทำให้รู้สึกไม่พอใจ กลับมาลงมือก่อเหตุอีก

พฤติการณ์จะออกตระเวนยามราตรีหาเหยื่อนักท่องเที่ยวหรือนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นตามสถานที่ท่องเที่ยวเช่น ซอยทองหล่อ อโศก สุขุมวิท สีลม ก่อนเข้าไปตีสนิทหลอกว่า เป็นนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันหรือฮ่องกงมาเที่ยวในประเทศไทยแต่กระเป๋าหายไม่มีเงินติดตัว ขอให้เหยื่อช่วยติดต่อเพื่อนตามหมายเลขโทรศัพท์ แต่เป็นหมายเลขที่ไม่สามารถติดต่อได้ เมื่อเหยื่อสงสารจะให้เงินแต่ออกอุบายไม่รับ อ้างกับเหยื่อว่าจะติดต่อกับครอบครัวที่ประเทศฮ่องกงหรือไต้หวันให้โอนเงินมาให้ ขอใช้บัญชีธนาคารของเหยื่อรับเงิน แต่ยังไม่สามารถใช้เงินได้ต้องรออีก 3-5 วัน เมื่อเหยื่อหลงเชื่อจึงเบิกเงินสดให้ไปก่อนแล้วหลบหนีไป

ขยายผลพบว่า ผู้ต้องหารายนี้ก่อเหตุลักษณะดังกล่าวมาแล้วกว่า 10 ปี มีผู้เสียหายหลายร้อยคนได้เงินไปหลายสิบล้านบาท เงินที่ได้นำไปใช้จ่ายส่วนตัว เที่ยวเตร่ เลี้ยงเด็กผู้ชาย และเล่นพนันออนไลน์ ตรวจสอบประวัติพบเมื่อปี 2552 ถูกเจ้าหน้าที่ บก.ทท.จับกุมข้อหาเอาไปเสียซึ่งทรัพย์สิน หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งเอกสารใดของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นนั้น ต่อมาปี 2554 ถูกเจ้าหน้าที่ บก.ทท.จับกุมตัวข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ปี 2558 ถูกออกหมายจับคดีฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ 3 หมายจับ ก่อนถูกตำรวจกองปราบปรามจับกุม เพิ่งพ้นโทษออกมาปี 2561 ล่าสุดกลับมาก่อเหตุอีกตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ นอกจากนี้มีข้อมูลร้องเรียนจากสถานทูตว่า ตั้งแต่ปี 2554-2561 นายอุทัยหลอกชาวญี่ปุ่นกว่า 60 ราย เป็นเงินกว่า 5,334,000 บาท