ตำรวจสนธิกำลัง ป.ป.ส.ลุยจับผับ 400 ซีซี สถานบันเทิงชื่อดังย่านพุทธมณฑลสาย 3 ท่ามกลางนักเที่ยวเกือบ 300 คน ตะลึงพบยาเสพติดสารพัดชนิดพร้อมอุปกรณ์การเสพทิ้งเกลื่อนพื้น ตรวจพบนักเที่ยว 92 คน ฉี่สีม่วง เป็นเยาวชนชายหญิงอายุต่ำกว่า 20 ปี 26 คน ส่งพนักงานสอบสวน สน.หนองค้างพลู ดำเนินคดี สลด 2 ผัวเมียนักเที่ยวที่ตรวจพบฉี่ม่วงทิ้งลูกหลับในรถกระบะแต่เปิดแอร์-หน้าต่างไว้ให้ อ้างหน้าตาเฉยผลัดกันเดินออกมาดูลูกทุก 15 นาที
ตำรวจสนธิกำลัง ป.ป.ส.บุกจับผับปล่อยลูกค้าเสพยา เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 1 ก.พ. พ.ต.อ.นพดล กาญจนพันธุ์ ผกก.สน.หนองค้างพลู พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ ผกก.ดส.บช.น. และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กรุงเทพมหานคร สนธิกำลังกันเข้าตรวจค้นสถานบันเทิง 400 ซีซี เลขที่ 33/5 ถนนพุทธมณฑลสาย 3 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กทม. หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หนองค้างพลูประสานงานว่า ผับ 400 ซีซี จะจัดปาร์ตี้ น่าจะมีนักเที่ยวรวมทั้งเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีลักลอบเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก
เมื่อเดินทางไปถึงเจ้าหน้าที่บุกเข้าตรวจสอบภายในร้านทันที สั่งให้ปิดเพลงและเปิดไฟ กลุ่มนักท่องราตรีทั้งชายหญิงรวมถึงสาวประเภท 2 กำลังกินดื่มพร้อมเต้นรำจำนวนมากถึงกับแตกฮือ เนื่องจากทางร้านจัดทั้งโปรโมชันขายสุราและจ้างดีเจชื่อดังมาเปิดเพลงภายใต้คอนเซปต์ “UPSIZE เต้นยังไงให้ได้ผัว...” เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบว่า มีนักเที่ยวชายหญิงทั้งหมดรวม 258 คน จากการคัดกรองพบเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี 40 คน เป็นชาย 20 คน และหญิง 20 คน ตรวจปัสสาวะเยาวชนพบฉี่เป็นสีม่วง 26 คน เป็นชาย 13 คน และหญิง 13 คน ส่วนนักเที่ยวที่บรรลุนิติภาวะแล้ว 218 คน เป็นชาย 127 คน และหญิง 91 คน ตรวจพบฉี่สีม่วง 66 คน เป็นชาย 35 คน และหญิง 31 คน
...
นอกจากนี้ยังสามารถตรวจยึดของกลางยาเสพติดถูกทิ้งบนพื้นเกลื่อนไปหมด ประกอบด้วย ยาบ้า 12 เม็ด ยาอี 5 เม็ด ไอซ์ชนิดเกล็ดและเคตามีนหรือยาเคชนิดผงรวม 13 ห่อเล็ก ยาทรามาดอล 5 เม็ด ธนบัตรใบละ 20 บาท ห่อยาเคตามีนรวม 6 ฉบับ และอุปกรณ์การเสพจำนวนหนึ่ง ควบคุมตัวผู้ต้องหาที่มีผลตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วงทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี ขณะลำเลียงผู้ต้องหาขึ้นรถ เจ้าหน้าที่พบรถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ตม 4655 กรุงเทพมหานคร จอดติดเครื่องเปิดแอร์อยู่บริเวณลานจอดรถด้านหน้า เข้าไปตรวจสอบพบเด็กหญิงวัย 3 ขวบนอนหลับอยู่ภายในรถ จึงประกาศหาตัวพ่อกับแม่เด็กให้ออกมาแสดงตัว
ปรากฏว่า นายเบนซ์ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี และ น.ส.ปุ้ย (นามสมมติ) อายุ 30 ปี สามีภรรยาพ่อแม่เด็กเดินออกจากแถวผู้ถูกดำเนินคดีเพราะตรวจพบฉี่ม่วงมาแสดงตัว จากการสอบถาม น.ส.ปุ้ย ที่ต้องอุ้มลูกเดินทางไปดำเนินคดีที่โรงพักเผยว่า ตนกับสามีพาลูกมาที่สถานบันเทิงแห่งนี้ แต่ไม่ได้พาเข้าไปในร้าน แต่พยายามกล่อมให้หลับในรถ เปิดแอร์ และลดกระจกรถเอาไว้ให้ จากนั้นจะสลับกับสามีเดินออกมาดูลูกทุกๆ 15 นาที จนกระทั่งถูกตำรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.กทม.มาปิดผับและจับตรวจปัสสาวะดังกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.นพดล กาญจนพันธุ์ ผกก.สน.หนองค้างพลู กล่าวว่า สถานบันเทิงแห่งนี้เปิดให้บริการมาประมาณ 1 ปีแล้ว ที่ผ่านมาตำรวจ สน.หนองค้างพลู พยายามเข้มงวดกวดขันมาตลอด แต่พอนำกำลังเข้าตรวจค้นปรากฏว่า มีนักเที่ยวไหวตัวทันหลบหนีไปได้ตลอด เนื่องจากโรงพักมีกำลังไม่เพียงพอ ดังนั้นวันนี้สืบทราบว่า ที่ร้านจัดปาร์ตี้จึงประสาน กก.ดส.บช.น.และ ป.ป.ส.กทม.สนธิกำลังเข้าปฏิบัติงาน จนสามารถจับกุมนักท่องราตรีและเยาวชนที่เสพยาได้จำนวนมาก ขณะนี้ทราบตัวผู้จัดการร้านแล้วชื่อ น.ส.นันทพร หรุ่มวิสัย อายุ 40 ปี จะนำตัวไปแจ้งข้อหาเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อหาเปิดให้บริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ข้อหาสนับสนุนให้เยาวชนเข้ามาในสถานประกอบการ และข้อหาปล่อยปละละเลยให้มียาเสพติดในสถานประกอบการ ก่อนเสนอ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น.รายงานต่อ ผบ.ตร.และผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร ใช้คำสั่งทางปกครองปิดสถานบริการแห่งนี้ 5 ปีต่อไป
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เวลา 13.30 น. พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น.เผยว่า บช.น. กวดขันสถานบริการตามที่ปรากฏเป็นข่าว บางครั้งบูรณาการกับหน่วยงานอื่นสืบสวน ตรวจสอบและจับกุม ส่วนกรณีเข้าตรวจค้นสถานบันเทิง 400 ซีซี เป็นการปฏิบัติของตำรวจท้องที่ร่วมกับ กก.ดส.บช.น. สืบสวนพบว่า สถานบันเทิงมีเด็กและเยาวชนเข้าไปใช้บริการจำนวนมากจึงเข้าตรวจสอบ ส่วนจะมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตำรวจท้องที่หรือไม่ มอบหมายให้ บก.น.9พิจารณา เบื้องต้นได้รับรายงานจาก กก.ดส.บช.น.ว่า ตำรวจ สน.หนองค้างพลู ร้องขอกำลัง เพราะต้องใช้กำลังพลจำนวนมากเข้าตรวจค้นและตรวจปัสสาวะ ตอนนี้จึงยังไม่ย้าย 5 เสือของโรงพัก ทุกวันนี้เรากวดขัน สืบสวนและจับกุมยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง ตนเน้นย้ำให้แต่ละกองบังคับการออกตรวจการใช้สารเสพติด ตามสถานบริการรวมถึงโรงงานที่มีคนงานจำนวนมาก เมื่อมีการจับกุมต้องเสนอให้ปิดบริการตามคำสั่ง คสช.