ภายหลังมีการอายัดศพ “พ่อเลี้ยงชูชาติ” นายชูชาติ กัลมาพิจิตร อายุ 79 ปี เศรษฐีพันล้านเจ้าของปางช้างแม่สา ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เพื่อส่งชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตที่นิติเวช รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ เนื่องจากการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ พ.ต.อ.บุญส่งวิทย์ ห้องแซง ผกก.สภ.แม่ริม พร้อมกำลังตำรวจจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางไปยังที่โบสถ์เซนต์นิโคลัส หมู่บ้านโต้งหลวง ต.แม่แรม อ.แม่ริม ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพของนายชูชาติ โดยห้ามไม่ให้ผู้สื่อข่าวติดตามขึ้นไป กระทั่งขณะนี้ตำรวจสามารถนำมาผ่าพิสูจน์หาข้อเท็จจริงตามคำร้องขอ ส่งศพ “พ่อเลี้ยงชูชาติ” เศรษฐีพันล้าน ชันสูตรแล้ว เผยบิ๊กตร.สั่งตรง
ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ได้ติดต่อไปยังคนสนิทของครอบครัวดังกล่าว กระทั่งทราบเรื่องราวความเป็นมาก่อนที่ นายชูชาติ กัลมาพิจิตร อายุ 79 ปี จะเสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็ง โดยมีประวัติรับการรักษาว่าป่วยระยะสุดท้ายที่โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม และทางญาติได้ตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านก่อนวาระสุดท้ายของชีวิตตามคำร้องขอของญาติ
...
คนสนิทในครอบครัวให้ข้อมูลว่า นายชูชาติ กัลมาพิจิตร มีภรรยาหลายคน แต่ที่คบหาแล้วมีลูกด้วยกันออกหน้าออกตามีแค่ 3 คน โดยคนที่ 3 เพิ่งคบกันมาเพียง 4-5 ปี และมีลูกติดมา 1 คน ทางผู้ตายได้เซ็นรับรองเป็นบุตรบุญธรรมเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม นายชูชาติ ป่วยรักษาโรคมะเร็งมาเป็นระยะเวลาหลายปี โดยมีภรรยาคนสุดท้ายคอยดูแลไม่ห่าง ควบคู่ไปกับการมีธุรกิจปางช้างแม่สา และทรัพย์สมบัตินับพันล้าน ไม่รวมมรดกที่ดินและอีกมากมาย
"ภายหลังที่ผู้ตาย คบหากับภรรยาคนสุดท้าย ทราบว่าผู้ตายได้สั่งห้ามไม่ให้ลูกสาวคนโตที่เกิดกับภรรยาคนแรกมาดูแลกิจการเหมือนเช่นเคย ซึ่งก็ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไม จากนั้นก็มีปัญหาภายในกันเรื่อยมา ประกอบกับผู้ตายป่วยหนักเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย หมอยืนยันว่าผู้ตายอยู่ในภาวะที่ไม่ไหวแล้วจริงๆ ประกอบกับผู้ตายต้องการจะกลับไปรักษาตัวที่บ้าน และเสียชีวิตลงในที่สุด ต่อมาทางผู้ใหญ่บ้านได้ไปแจ้งทางอำเภอว่าผู้ตายเสียชีวิตแล้ว มีการออกใบมรณบัตรโดยไม่ได้แจ้งตำรวจ และเหมือนว่าเป็นการออกอย่างรวดเร็วมาก"
เขาบอกด้วยว่า สาเหตุนี้เอง จึงทำให้ทางลูกสาวคนโต และทายาทคนอื่นๆมีความสงสัย ต้องการเอาศพมาผ่าว่า พ่อของพวกเขาตายเพราะอะไรกันแน่ และเหตุใดถึงไม่ให้รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลต่อไป สำหรับความขัดแย้งในการตรวจพิสูจน์ศพทีแรก ภรรยาคนที่ 3 ไม่ยอมให้นำศพมาตรวจ เนื่องจากกำลังอยู่ในขั้นตอนทำพิธี และไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาเอาศพไป ทั้งๆ ที่แพทย์ยืนยันว่าผู้ตายป่วยโรคมะเร็งมาสักพักใหญ่จนมีอาการขั้นสุดท้าย
"ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเจรจาบอกเหตุผลข้อเท็จจริง และเพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการร้องขอของลูกสาวอีกคน และเพื่อความโปร่งใสในการเสียชีวิต ทางภรรยาคนที่ 3 จึงยินยอมให้นำศพมาตรวจพิสูจน์"