“ความรัก” เริ่มต้นจากคนสองคน ก่อตัวเป็นความเสน่หา ความผูกพัน กระทั่งนำพาหญิงชายเดินทางไปสู่ “ประตูวิวาห์” ด้วยความสุขเต็มหัวใจ แต่สำหรับบางคนกลับไม่ใช่ เส้นทางสู่ “ประตูวิวาห์” ของบางคู่ไม่ได้เกิดจากความรัก และต้องลงเอยด้วย “น้ำตา” และ “ความจำยอม”
ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ พาผู้อ่านย้อนกลับไปดู “คราบน้ำตา” ของวิวาห์จำทน คลุมถุงชน ชะตากรรมทุกข์ระทมที่พวกเขาไม่ได้เลือก...
รันทด! ด.ญ.วัย 13 ยังไม่ทันใช้ “น.ส.” ถูกพ่อแม่ขี้เมายกให้เพื่อนในวงเหล้า แลกสินสอด 2 พันบาท
เรื่องรันทดใจของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อปี 2556 สามีภรรยาคู่หนึ่งอาศัยใน ต.มะนาวหวาน มีอาชีพรับจ้าง บังคับให้ ด.ญ.บี (นามสมมติ) บุตรสาววัย 13 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.6 แต่งงานกับนายก๊ง เจ้าบ่าว วัย 34 ปี อาชีพรับจ้าง เพื่อนบ้านใกล้เคียงและเพื่อนร่วมวงเหล้า โดยจะมีการผูกข้อไม้ข้อมือให้สินสอดเพียงแค่ 2,000 บาท
เจ้าหน้าที่รัฐภาคฝ่ายต่างๆ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น จึงเดินทางไปยังบ้านของเด็กหญิง อายุ 13 ปี ทันที โดยพบว่า บ้านหลังนี้ เป็นบ้านไม้ชั้นเดียว หลังคามุงแฝก พบว่านายแดงและนางดำ (นามสมมติ) พ่อแม่ ด.ญ.บี และเพื่อนบ้านอีก 4-5 คน กำลังตั้งวงเหล้าดื่มกินกันอย่างเฮฮา หลังจากผ่านพ้นพิธีผูกข้อไม้ข้อมือไปแล้ว
...
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เชิญตัวนายก๊ง เจ้าบ่าว และพ่อแม่เด็กไปให้การที่สถานีตำรวจ เพื่อสอบปากคำ ทำให้นายก๊ง เจ้าบ่าว และญาติๆ แสดงอาการไม่พอใจ อีกทั้ง ยังหาว่าทำไมตำรวจต้องมาจับด้วย ชาวบ้านหลายรายแถวนี้แต่งงานกับเด็กผู้หญิงหลายรายแล้วและก็อยู่กินกันได้
ขณะที่ ด.ญ.บี เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่นายก๊งนั่งกินเหล้ากับพ่อแม่ตน ตนเกิดง่วงนอน จึงขอตัวเข้านอนก่อน ระหว่างที่นอนอยู่กำลังจะเคลิ้มหลับ นายก๊งเข้ามากอด พอดีลุงของตนเห็นเข้าจึงตะโกนไล่ให้ออกไป วันต่อมานายก๊ง ยังคงมานั่งกินเหล้ากับพ่อแม่ตนที่บ้านจนเมามายไม่ได้สติทั้ง 3 คน แต่นายก๊งกลับเข้ามาปลุกปล้ำและขืนใจตนจนสำเร็จความใคร่ ต่อมาพ่อแม่ตนรู้เข้าจึงเรียกนายก๊งมาผูกข้อไม้ข้อมือตามประเพณี โดยฝ่ายชายให้สินสอดค่าเลี้ยงดูแค่ 2,000 บาท ส่วนตนเองไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรม
เจ้าหน้าที่ได้ให้ ด.ญ.บี อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เพื่อเยียวยาสภาพจิตใจ ส่วนเรื่องการแต่งงานถึงจะเป็นการยินยอมของทั้ง 2 ฝ่ายก็ตาม แต่ผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เพราะ ด.ญ.บีอายุแค่ 13 ปี และกำลังเรียนอยู่แค่ชั้น ป.6 ควรจะได้เรียนหนังสือมากกว่า แต่พ่อแม่กลับผลักไสให้ไปมีสามี
เผยชีวิตหญิงไทยเมืองนํ้าหอม ต้องทนทุกข์ถูกซ้อมบังคับค้ากาม
ชีวิตในต่างแดนของหญิงไทยไม่ได้ราบรื่น หรือโรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนอย่างที่หญิงไทยอีกหลายคนคิดเช่นนั้น นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ผู้ช่วย รมว.การพัฒนาสังคมฯ (ตำแหน่งในสมัยนั้น) นำเรื่องราวของหญิงไทยที่ไปใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในต่างแดนมาเปิดเผย หลังจากที่กลับจากการสัมมนาและดูปัญหาของหญิงและเด็กไทย ซึ่งจัดโดยเครือข่ายหญิงไทยในยุโรป ที่ประเทศฝรั่งเศส การสัมมนามีการพูดถึงการย้ายถิ่นที่อยู่ของหญิงและเด็กจากประเทศไทยไปใช้ชีวิตในหลายประเทศแถบยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเยอรมนี ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ และอีกหลายประเทศ
โดยการทำงานของอาสาสมัครของชมรมสตรีไทยในฝรั่งเศสที่ผ่านมาเกือบ 2 ปี พบว่า มีคนไทยติดต่อขอความช่วยเหลือในหลายรูปแบบ ทั้งด้าน ภาษาที่มีการขอให้ส่งอาสาสมัครไปช่วยเป็นล่ามที่สถานีตำรวจ โรงพยาบาลและศาล หรือบางคนต้องประสบปัญหาชีวิตคู่ที่พบทั้งการที่หญิงไทยไปจดทะเบียนกับชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นกับคนฝรั่งเศส เขมร ลาว หรือคนผิวดำ
...
ในขณะที่ ผู้หญิงจำนวนมากไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับครอบครัวของสามีและสภาพแวดล้อมของฝรั่งเศสได้ เนื่องจากความแตกต่างทางสังคม ประเพณี และวัฒนธรรม ทำให้เกิดความขัดแย้งในครอบครัว หรือบางคนที่ไม่ได้รับการเลี้ยงดูและให้เกียรติ มักทะเลาะวิวาท ถูกตบตี บางรายถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับชายอื่น หรือถูกบังคับให้ค้าประเวณี ถูกไล่ออกจากบ้านหรือต้องแอบหลบหนีเอาตัวรอดออกมาเอง
...
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเกี่ยวกับคนงานไทยที่ถูกหลอกมาทำงานในฝรั่งเศสอย่างไม่ถูกกฎหมาย โดยขบวนการทั้งคนไทยและฝรั่งเศสด้วยวิธีการที่สลับซับซ้อน ปัจจุบันมีคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการนี้
ส่วนผู้ที่เข้าเมืองอย่างไม่ถูกกฎหมายเหล่านี้มีความเป็นอยู่ที่ลำบาก ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ แต่ต้องทน เพราะได้รายได้สูงแม้จะต้องทำงานอย่างหนัก นอกจากนั้น ยังมีหญิงไทยที่ไม่กล้าไปหาหมอเพราะสื่อสารกันไม่เข้าใจต้องทนทำงานแม้จะป่วย ทำให้เห็นว่า การที่คนไทยเดินทางไปอยู่ต่างแดนนั้นส่งผลให้เกิดปัญหาตามมามากมาย และหลายคนต้องจบชีวิตที่ต่างประเทศ ท้ายสุดของการสัมมนายังได้พูดถึงการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในประเทศ กับคณะทำงานช่วยเหลือคนไทยในยุโรปอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันหยุดปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นอีก.