"บิ๊กโจ๊ก" ตั้งโต๊ะแถลงสาวซาอุฯ ถูกกักตัวใน ตม.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยันไม่ได้ยึดพาสปอร์ต แต่สาว 18 ผู้นี้มายื่นขอวีซ่าแต่ไม่มีตั๋วเดินทางกลับ โดยเราจะใช้หลักกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งหากรู้ว่าเขาจะกลับไปตาย คงไม่มีประเทศไหนส่งตัวกลับ ล่าสุดให้เจ้าหน้าที่ unhcr เข้าพูดคุย เพื่อให้ทราบว่าจะขอลี้ภัย ประเทศที่สาม หรือเดินทางกลับ...

เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 7 ม.ค.62 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พร้อมตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกันแถลงข่าวการดำเนินการกับนักท่องเที่ยวสาวชาวซาอุดีอาระเบียที่ต้องการเดินทางไปประเทศที่ 3 ณ ห้อง ศปก.บก.ตม.2 อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากกรณีที่ น.ส.ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด เอ็ม อัลคูนัน อายุ 18 ปี สัญชาติ ซาอุดีอาระเบีย เดินทางมาไทยโดยเที่ยวบิน KU 413 และถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ เนื่องจาก ทางสถานทูตซาอุดีอาระเบีย ได้ประสานมายังประเทศไทย ว่าเด็กหญิงคนดังกล่าวได้หนีการดูแลจากผู้ปกครองและเกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงอยากให้ทาง ตม.ไทยช่วยดูไว้ ซึ่งภายหลังจากนั้น ทาง ตม.สนามบินรับทราบ ประกอบกับ เมื่อเด็กหญิงคนดังกล่าว ได้มายื่นขอวีซ่า พื่อเข้าไทยต่อตม.สนามบิน แต่ไม่แสดงตัวเครื่องบินกลับ และไม่มีการวางแผนเดินทางหรือที่พักในไทย ทาง ตม.สนามบิน จึงต้องปฏิเสธการเข้าเมือง ซึ่งเป็นไปตามหลักสากลทั่วโลก เนื่องจากถือว่าเป็นบุคคลต้องห้าม จากนั้นจึงให้ทางสายการบิน เป็นผู้ดูแลต่อ ทั้งเรื่องที่พักและอาหาร จนกว่าจะได้ตั๋วเครื่องบิน บินกลับไปยังประเทศต้นทาง

...

ส่วนกรณี ที่มีข่าวระบุว่าเด็กหญิงคนดังกล่าว มาไทยเพื่อเตรียมต่อเครื่องบินไปยังประเทศออสเตรเลียโดยมีวีซ่าของประเทศออสเตรเลียเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ไม่พบว่า มีวีซ่าหรือตั๋วเครื่องบินต่อไปยังประเทศออสเตรเลียแต่อย่างใด ส่วนเรื่องของการถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว หรือถูกยึดพาสปอร์ตนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตม.สนามบิน ไม่ได้ทำการยึด แต่เก็บไว้ให้จนกว่า เด็กหญิงคนดังกล่าวจะมีตั๋วเดินทางกลับ ซึ่งเมื่อสายการบินคูเวตแอร์ไลน์ได้ทำการซื้อตั๋วเครื่องบิน ให้เดินทางกลับเมื่อเช้าที่ผ่านมานั้นทาง ตม.สนามบิน ก็ได้คืนพาสปอร์ตให้กับหญิงสาวคนดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ซึ่งการดำเนินการหลังจากนี้นอกจากเราจะใช้หลักกฎหมายแล้ว เราจะต้องใช้หลักสิทธิมนุษยชนด้วย โดยเบื้องต้น ทางเด็กหญิงคนดังกล่าวระบุว่าที่ไม่ต้องการกลับไปยังประเทศตนเอง เนื่องจากเกรงว่าจะถูกทำร้าย เลยประสงค์จะเดินทางต่อไปยังประเทศที่ 3 อย่างไรก็ตาม ทางหากทางเรารู้ว่า เขาจะกลับไปตาย ผมเชื่อว่า คงไม่มีประเทศไหนส่งตัวกลับ ซึ่งหลังจากนี้ ทางผมและเจ้าหน้าที่จาก unhcr จะเดินทางเข้าพูดคุยกับเด็กหญิงคนดังกล่าว เพื่อสอบถาม ว่า จะขอลี้ภัยและเดินทางต่อไปในประเทศที่สามตามที่ต้องการ หรือเดินทางกลับประเทศ

ล่าสุดเมื่อเวลา 17.15 น. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จาก unhcr ได้เดินทางเข้าไปยังโรงแรมที่พักซึ่งอยู่ด้านในอาคารผู้โดยสาร บริเวณคองคอร์ด G เพื่อทำการพูดคุย กับหญิงสาวคนดังกล่าว.