"เตือนเค้าแล้วว่าอย่าไปเค้าก็ไม่ฟัง ด้วยความที่เป็นเด็กเชื่อคนง่าย และรักการแสดงคาบาเรต์เป็นชีวิตจิตใจ เมื่อเพื่อนมาชวนเอาสิ่งที่ใจรักมาหลอกล่อก็อ่อนไหวไปตามเค้า แม่พยายามถามข้อมูลเพื่อนเค้าก็ไม่บอก คือจะไปท่าเดียว ตีตั๋วเดินทางไปกลับ มีกำหนดกลับวันที่ 4 มกราคม 2562 คือน้องตั้งใจไปแค่ 6 วัน เค้าคิดแค่จะไปเที่ยว ไปแสดงคาบาเรต์อย่างใจฝันในประเทศที่ดูภายนอกก็ไม่ได้โหดร้ายอะไร แต่เมื่อไปถึงกลับไม่ใช่อย่างที่คิด น้องร้องไห้แทบบ้า ในทีแรกไม่กล้าที่จะบอกอะไรแม่ เพราะกลัวแม่จะดุ เนื่องจากเตือนไปแล้ว จึงติดต่อมาทางพี่ชาย การช่วยเหลือจึงค่อยๆ ดำเนินขึ้น" คุณพรทิพา สุพัฒนุกุล หรือคุณฟ้า ผู้เป็นแม่ เกริ่นให้เราฟัง 

...เกิดซ้ำบ่อย มีข่าวให้เห็นกันตามหน้าสื่อ กรณีถูกล่อลวงไปค้าประเวณีที่ประเทศเกาหลีใต้ จะด้วยความเต็มใจ หรือไปโดยไม่รู้ ทั้งหมดนั้นก็ถือเป็นประสบการณ์ที่เหยื่อหลายคนเจอมากับตัวและคงต้องจำเป็นอุทาหรณ์ไปชั่วชีวิต ล่าสุด น้องเต้เน่ บุตรชายที่มีหัวใจเป็นหญิง ของ คุณพรทิพา สุพัฒนุกุล อดีตเจ้าของรายการ “เบสต์ออฟยัวร์ไลฟ์” ได้ถูกเพื่อน 2 คน ชักชวนไปประเทศเกาหลีใต้ ตีตั๋วไปกลับ 6 วัน เพื่อไปแสดงโชว์คาบาเรต์ แต่ท้ายที่สุดกลับไม่เป็นดั่งฝัน รู้ตัวอีกทีว่าถูกหลอกไปขายบริการทางเพศ เพราะบอสใหญ่บังคับให้แต่งหน้าแต่งตา แก้ผ้าถ่ายรูปทำประวัติเพื่อนำไปให้ลูกค้าเลือกซื้อบริการ 

...

- คนมาหลอกจี้ถูกจุด รู้ว่าชอบคาบาเรต์ ใช้คำพูดหว่านล้อมจูงใจ - 

เมื่อปลายปี น้องเต้เน่ ได้ปรึกษาคุณแม่ บอกว่าอยากจะไปเกาหลีใต้ มีเพื่อนมาชวนไปแสดงคาบาเรต์โชว์ ไปแค่ 6 วัน แม่เองก็รู้สึกเป็นห่วงมาก และได้ห้ามปรามแล้ว แต่ด้วยความที่ลูกเป็นวัยรุ่น ห้ามไม่ฟัง และเชื่อเพื่อนมากเกินไป แม่พยายามถามว่าเพื่อนเป็นใคร มาจากไหน ลูกก็ไม่ได้บอกข้อมูลอะไรมาก เพราะขณะนั้นน้องใจไปอยู่ที่เกาหลีใต้ อยากจะไปเที่ยว ไปแสดงคาบาเรต์โชว์ เมื่อแม่รู้ว่าห้ามลูกยากแล้ว ก็้เลยปล่อยให้พี่ชายเค้าดูแล ส่วนตัวแม่เองกำลังยุ่งอยู่กับงานช่วยเหลือชาวบ้านเคสอื่น 

"วันไปส่งที่สนามบินก็ให้พี่ชายเค้าไปส่ง กำชับว่าให้พี่ชายเค้าถ่ายรูปเพื่อน 2 คนที่มาชักชวนไปด้วย แต่สรุปว่าไม่ได้ถ่าย เพราะเค้าบ่ายเบี่ยงสารพัด จนแล้วจนรอด พี่ชายเค้าฉวยจังหวะเผลอขณะที่ 2 คนทิ้งพาสปอร์ตไว้บนโต๊ะ จึงรีบถ่ายข้อมูลเก็บไว้ นี่จึงเป็นหลักฐานเดียวที่เรามีอยู่ในมือ กระทั่งน้องบินไปถึงประเทศเกาหลีใต้ ในวันแรกก็ไม่ได้ติดต่อกับแม่

- บังคับแต่งหน้าสวยๆ แก้ผ้า ถ่ายรูปทำโปรไฟล์ไว้โชว์ลูกค้า -

เมื่อไปถึงที่หมาย กลับกลายเป็นว่าไม่ใช่ที่เดียวกับข้อมูลรายละเอียดตามภาพถ่ายที่เพื่อนเคยบอกน้องเต้เน่ไว้ ทุกอย่างมันผิดคาดไปหมด น้องเต้เน่เริ่มใจเสีย แต่ก็ตั้งสติ หาจังหวะเก็บภาพวิดีโอเอาไว้ ก่อนจะหลบเข้ามาร้องไห้ในห้องน้ำ พร้อมกับแชตเล่าเหตุการณ์ให้พี่ชายเค้าฟัง ในทีแรกเค้าไม่กล้าคุยกับแม่ กลัวโดนแม่ซ้ำเติม กระทั่งพี่ชายเค้าส่งแชตที่คุยกับน้องมา แม่รู้สึกตกใจมาก และพยายามหาทางช่วยเค้าทุกวิถีทาง

"มันเป็นช่วงปีใหม่ หน่วยงานราชการก็ปิดหมด ติดต่อไปไหนก็ยาก รู้สึกใจหายมืดแปดด้าน เพราะลูกเราอ่อนต่อโลก เป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงอย่างดี อยู่แต่ในบ้าน หัวอ่อน เราเลี้ยงเค้ามาสุขสบายมากแล้ว เค้าไม่ต้องดิ้นรนไปทำอะไรที่ไหนอีก แต่ที่เค้าไป เราอยากไปแสดงคาบาเรต์ นาทีนั้นเราไม่ได้รู้สึกโกรธที่ห้ามลูกไม่ฟัง ในหัวเราเป็นห่วงกังวล ต้องหาวิธีเอาตัวลูกออกมาให้ได้ เพราะสภาพจากที่เห็นผ่านการแชต ลูกเราไม่ไหวแล้ว เค้าต้องออกมาจากที่นั่นให้เร็วที่สุด" 

- เริ่มแผนการช่วยลูก หนีรอดจากขุมนรกซ่องเกาหลี - 

โชคดีที่พี่ชายเค้ามีเพื่อนผู้หญิงอาศัยอยู่อีกเมืองนึง ห่างจากที่น้องเต้เน่อยู่ 600 กิโลเมตร เราตัดสินใจพูดคุยกับน้องเต้เน่ผ่านโปรแกรมไลน์ ขณะที่น้องหลบเข้าไปคุยในห้องน้ำ และได้รับความช่วยเหลืออย่างดีจากเพื่อนของพี่ชาย นัดแนะเวลาและช่วยจ้างแท็กซี่ คิดราคาเป็นเงินไทยจำนวน 15,000 บาท ให้มารอรับน้อง ....ยอมรับว่าลุ้นกันสุดชีวิต เพราะไม่รู้ว่าลูกจะเอาตัวรอดออกมาได้ หรือพลาดถูกจับกลับไป จากนั้นคงทำอะไรได้ยากขึ้น แม่ต้องสวดมนต์ภาวนาขอให้ลูกรอดปลอดภัย 

"บอกเค้านะ เราบอกเค้าว่าให้เค้าทำตัวปกติ เค้าให้ถ่ายรูปก็ถ่ายไป ทำเป็นเหมือนว่าเราเต็มใจไม่ได้ขัดขืน เวลาที่หนีออกมาจะได้ไม่น่าสงสัยหรือมีพิรุธใดๆ ซึ่งน้องเต้เน่ก็บอกกับแม่ว่า หากออกจากที่นี่ไปแล้ว จะไม่สามารถติดต่อได้อีก เพราะว่าไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ทำให้แม่เครียดเข้าไปใหญ่ กระทั่งก่อนถึงเวลาที่แท็กซี่มารับ ซึ่งเป็นเวลากลางดึก ทุกคนหลับหมดแล้ว จึงได้สั่งน้องเต้เน่ไว้ว่า หากพ้นประตูออกมาได้ให้วิ่งแบบไม่ต้องหันหลังกลับไป ทิ้งข้าวของให้หมด หยิบโทรศัพท์ออกมาแค่เครื่องเดียว ...หลังจากนั้นน้องเต้เน่ทำตามวิธีที่แม่บอกไป และเราก็ติดต่อกันไม่ได้เกือบ 5 ชั่วโมง"  

...

- เดินทางมาถึงบ้านเพื่อนพี่ชาย แต่ไม่ปลอดภัย 100  เปอร์เซ็นต์ - 

หลังจากที่น้องเต้เน่ใช้ระยะเวลาเดินทางออกจากขุมนรก มุ่งตรงไปยังบ้านเพื่อนพี่ชายที่อยู่ห่างกัน 600 กิโลเมตร แม่ไม่สามารถติดต่อน้องได้ แม่รู้สึกกลัวไปหมด ไม่รู้ว่าระหว่างทางที่อยู่บนแท็กซี่จะต้องเจอกับอะไรบ้าง มีใครตามมารึเปล่า กระทั่งถึงที่หมาย น้องเต้เน่ติดต่อกลับมาอีกครั้ง บอกแม่ว่าปลอดภัยแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้แม่สบายใจขึ้นเลยสักนิด กระทั่งมีหน่วยงานค่อยๆ ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ และหาตั๋วให้น้องเดินทางกลับไทย เราโชคดีที่สามารถให้การช่วยเหลือเต้เน่ได้ทันท่วงทีและปลอดภัย วันที่ 31 น้องติดต่อมา จนวันที่ 1 เดินทางกลับมาถึงไทยเข้าวันที่ 2

- ส่งหลักฐานข้อมูลทั้งหมดให้ตำรวจดำเนินการต่อ - 

หน้าพาสปอร์ตของเพื่อนเค้า 2 คน ที่หลอกเค้าไป ซึ่งพี่ชายแอบถ่ายเก็บไว้ได้ขณะเดินทางไปส่งที่สนามบิน เรายื่นให้ตำรวจทั้งหมด รวมถึงคลิปวิดีโอที่น้องเต้เน่แอบถ่ายไว้ได้ สถานที่ที่น้องถูกพาไปกักตัวในเกาหลี จากนี้ไปก็ต้องปล่อยให้ตำรวจทำงาน เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับคนไทยเยอะมาก ไม่อยากให้ใครต้องตกเป็นเหยื่อถูกหลอกไปค้าประเวณีอีก หัวอกคนเป็นแม่เข้าใจดี และพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงาน เพื่อดำเนินการรวบตัวนายหน้า หรือคนผิด มาดำเนินคดี 

...

- จิตใจบอบช้ำ โซเชียลกระหน่ำโพสต์ข้อความยัดเยียดว่าตั้งใจไปขายตัว - 

ตอนนี้เต้เน่สภาพย้ำแย่มาก กินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะเค้าคิดมากที่โดนคนรุมประณามว่าจะไปขายตัว เค้าจะไปขายตัวได้อย่างไร ไปเพื่ออะไร ในเมื่อที่บ้านก็เลี้ยงดูอย่างสุขสบาย มีเงินให้ใช้ไม่ต้องดินรนอะไรเลย แต่ที่น้องไปเพราะถูกหลอกไปจริงๆ คนที่มาหลอกรู้จุดอ่อน รู้ว่าน้องชอบอะไรก็เอาสิ่งนั้นมาล่อลวง ด้วยความที่น้องเป็นคนเชื่อเพื่อนอยู่แล้ว ประกอบกับเป็นวัยรุ่น อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต การตัดสินใจมันจึงเกิดขึ้นง่ายมาก และในที่สุดก็พลาดจนได้

"ตอนนี้น้องร้องไห้เสียใจ แม่ก็คอยแต่ให้กำลังใจว่าอะไปคิดมาก อย่าไปสนใจในสิ่งที่มันผ่านไปแล้ว ส่วนใครจะว่าเราอย่างไรก็ช่างเค้า เพราะเรารู้ตัวเองดีที่สุด..ทั้งนี้ต้องขอฝากเตือนทุกๆ คนที่อยากจะไปเมืองนอก โดยมีนายหน้า หรือเพื่อนที่ไม่ได้สนิทสนมรู้จักกันดีมาชักชวนไป ให้คิดก่อนตัดสินใจ ตั้งสติดีๆ อย่าใช้อารมณ์ เพราะเมื่อตัดสินใจพลาดไป คุณอาจจะไม่โชคดีเหมือนน้องเต้เน่ก็เป็นได้".

...