กลุ่มผู้ประกาศข่าวสาว อสมท รวมตัวแจ้ง ปอท. หลังโดนมือดีทำแสบ นำภาพไปประกอบข้อความอนาจารโพสต์ลงทวิตเตอร์ ทำเสียชื่อ ด้าน ตร.เผย แม้บัญชีจะปิดไปแล้ว ยังมีร่องรอยทางดิจิตอลให้สืบถึงตัวได้...
เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 24 ธ.ค.2561 ที่ บก.ปอท. น.ส.เพ็ญพรรณ แหลมหลวง อายุ 43 ปี น.ส.ชุติมา พึ่งความสุข อายุ 29 ปี และ น.ส.ธันยมัย อนันตกรณีวัฒน์ อายุ 27 ปี นักข่าวและผู้ประกาศข่าวสาว สถานีโทรทัศน์ อสมท ช่อง 9 พร้อมฝ่ายกฎหมาย เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผกก.กก.3 บก.ปอท. และ ร.ต.อ.หญิง แก้วกาญจน์ อุ่นพันธุ์ รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ 2 บัญชี หลังถูกนำภาพการทำงานไปใช้ลงประกอบข้อความลามกอนาจารจนสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์การทำงานและองค์กร
น.ส.เพ็ญพรรณ กล่าวว่า หลังพบว่าเรื่องดังกล่าวเป็นข่าวตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา ผู้เสียหายทั้งหมดที่เป็นผู้ประกาศข่าวต่างถูกลอบนำภาพการทำงานใส่ชุดสุภาพตามปกติ ไม่ได้มีการแต่งกายวาบหวิวไปใช้ในลักษณะเดียวกันในอีกบัญชีที่เป็นข่าวไปแล้ว แต่ของตนพบว่าเป็นอีกบัญชีที่ทำการในลักษณะเดียวกัน ซึ่งมองว่าเป็นการกระทบต่อภาพลักษณ์องค์กร อีกทั้งยังละเมิดสิทธิส่วนบุคคลในทางอนาจาร จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความในวันนี้
...
"แม้บัญชีดังกล่าวปิดตัวลงไปแล้ว แต่หากได้มีการเซฟรูปไว้ก็อาจจะเปิดขึ้น แล้วทำความเสียหายต่อบุคคลอื่นอีกครั้งเมื่อไหร่ก็ได้ ขอฝากไปถึงประชาชนทั่วไปในฐานะที่เราเป็นสตรี ไม่ควรปล่อยเรื่องนี้ไป ไม่ว่าจะเป็นใครมีอาชีพใด เมื่อถูกคุกคามไม่ควรนิ่งเฉย แม้ว่าอาจจะมีคนต่อว่า ที่เกิดเรื่องเป็นเพราะแต่งตัวไม่ดีเอง แต่เรื่องการแต่งกายเป็นสิทธิส่วนบุคคลของคนคนนั้น กลับกันคนที่คิดไม่ดีต่างหากที่ผิด เราต้องไปดำเนินการกับคนผิดด้วย“ น.ส.เพ็ญพรรณ กล่าวต่อท้าย
ขณะที่ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า แม้ว่าเจ้าของบัญชีดังกล่าวจะได้ปิดตัวไปแล้ว 1 บัญชี แต่ยังมีร่องรอยที่จะสามารถติดตามตัวผู้กระทำผิดได้ ขณะที่ตอนนี้พบว่ายังมีอีกบัญชีที่ยังคงเปิดอยู่ ซึ่งจะดำเนินการตามขั้นตอนสืบสวนสอบสวนต่อไป เนื่องจากคดีนี้มีผู้เสียหายที่เปิดเผยตัวตนรวมแล้ว 19 ราย ขอฝากไปยังผู้ที่คิดจะแชร์ต่อหรือคอมเมนต์ในทางเสียหาย ว่าจะเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาทได้ ส่วนความผิดสำหรับเจ้าของบัญชีทวิตฯ หากไม่มีการตัดต่อภาพให้เสียหาย แต่มีการพิมพ์ข้อความหยาบคายลามกก็จะเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท.