ไม่ใช่เพิ่งเริ่มกลายเป็นเหยื่อโซเชียลแค่วันสองวัน เพราะก่อนหน้านี้ ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปี ที่ผ่านมา น.ส.รังสิมา ศฤงคารนฤมิตร หรือ กรุ๊งกริ๊ง อายุ 29 ปี ผู้ประกาศข่าวสาว ช่องอมรินทร์ 34 อดีตลูกหม้อช่องเนชั่นทีวี ย่านบางนา ที่ถูกคุกคามในโลกออนไลน์ไม่เว้นแต่ละปี มีเรื่องให้ต้องหอบหลักฐานเอกสารขึ้นโรงพักแจ้งความหวังเอาผิดกับมือดีที่ก่อเหตุ แต่ท้ายที่สุดแล้วเรื่องก็เงียบหายไป เพราะตำรวจสะกดรอยจับมือดีเหล่านี้ไม่ได้
ล่าสุดมีพวกโรคจิตเปิดทวิตเตอร์เสียบประจารด่าผู้ประกาศข่าวหลายค่ายใช้ชื่อ "เงี่..นไปกับนักข่าว @TheDarkAnchors" ท้ายที่สุด น.ส.รังสิมา ศฤงคารนฤมิตร หรือ กรุ๊งกริ๊ง ก็ติดร่างแหโดนพ่วงท้ายกับเขาไปด้วย เป็นเหตุให้ต้องเข้าแจ้งความหาตัวคนผิดกับ ร.ต.อ.หญิง แก้วกาญจน์ อุ่นพันธุ์ รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท.

- ตกใจ เพื่อนส่งภาพพร้อมข้อความมาให้ดู -
"ก็ทราบข่าวมาบ้างแล้วว่าผู้ประกาศข่าวบางราย โดนคุกคามในลักษณะเดียวกัน แต่ไม่ทราบมาก่อนว่าจะมีกริ๊งตกเป็นเหยื่อด้วย เมื่อวันก่อนเพื่อนผู้ประกาศส่งมาให้ดู มีภาพของกริ๊งพร้อมถ้อยคำลามกปรากฏอยู่ ก็รู้สึกตกใจมาก เพราะกริ๊งเองก็ไม่ได้สวย หรือโด่งดังถึงขั้นที่ว่าจะต้องถูกนำไปเสียบประจาร คุณแม่เห็นก็ตกใจไม่แพ้กัน ท่านก็แก่มากแล้ว แต่ไม่ได้ช็อกเข้าโรงพยาบาลอย่างที่เป็นข่าวออกไปก่อนหน้านี้ แม่แค่ตกใจและเป็นกังวล เพราะเราเป็นลูกสาวคนเดียว แม่ก็ต้องห่วงอยู่แล้ว"
...
ประกอบกับสื่อมวลชนส่งหมายข่าวกันว่า ผู้ประกาศข่าวหญิงที่ถูกเอาภาพไปเขียนข้อความลามกเผยแพร่ทางทวิตเตอร์ ขอให้ทุกคนมาแจ้งความ ปอท. ตอนแรกไม่ทราบว่าตัวเองก็ถูกนำภาพไปโพสต์ในลักษณะลามกอนาจารและล่วงละเมิด จนเมื่อคืนวันที่ 20 ธ.ค. มีเพื่อนนักข่าวของทางช่อง 7 สี ติดต่อมาบอกมาว่ากริ๊งก็ถูกล่วงละเมิดด้วยเช่นกัน รู้สึกเครียดนะ เลยปรึกษาคุณแม่และมาแจ้งความ เพื่อปกป้องชื่อเสียงตัวเอง และดำเนินคดีเอาผิดกับผู้เสียหายด้วย
"รูปที่เขาเอาไป น่าจะค้นทางกูเกิล มีทั้งภาพเก่าสมัยยังทำงานอยู่ที่ช่องเนชั่น และภาพปัจจุบัน ไม่รู้ว่าคนสร้างเรื่องต้องการอะไร แต่ครั้งนี้อยากให้ตำรวจจริงจังและจับคนร้ายให้ได้"

- สวมรอยเปิดเฟซบุ๊ก เอารูปและชื่อไปใช้คุยกับผู้ชาย -
"เรื่องนี้หลายปีมาแล้ว น่าจะก่อนปี 2554 ตอนนั้นเรื่องราวหนักหนามาก ขณะนั้นกริ๊งเป็นผู้ประกาศอยู่ช่องเนชั่น ก็มีใครก็ไม่รู้ (ไม่รู้จริงๆ) เปิดเฟซบุ๊กโดยเอารูปกริ๊งไปโพสต์สวมรอย บอกกับสมาชิกในเฟซบุ๊กตัวเองว่าเป็นกริ๊ง และใช้ชื่อจริงนามสกุลจริง จำได้ว่าหอบหลักฐานไปแจ้งความกับท้องที่แล้ว แต่สุดท้ายเรื่องก็ค่อยๆ เงียบหายไป ตำรวจไม่ได้ตามคดีให้ ในขณะที่เฟซบุ๊กดังกล่าวเปิดใช้งานมามากกว่า 1 เดือน และใช้รูปใช้ชื่อเราไปคุยกับผู้ชายมากหน้าหลายตา ยอมรับว่าตอนนั้นเครียดมาก กระทั่งเขาก็ปิดเฟซบุ๊กไปเองในที่สุด"
- เอานามสกุลไปใช้แอบอ้างเปิดเฟซบุ๊ก -
"สำหรับนามสกุล "ศฤงคารนฤมิตร" เป็นนามสกุลที่กริ๊งตั้งขึ้นมาใหม่ และกริ๊งก็ใช้เพียงคนเดียว ไม่มีคนในครอบครัว หรืออนุญาตให้ใครที่ไหนใช้ด้วย จนกระทั่งวันดีคืนดี มีใครก็ไม่รู้ใช้ชื่ออื่นนะ แต่ใช้นามสกุลกริ๊งเปิดเฟซบุ๊กขึ้นมาเฉยเลย ที่สำคัญเขายังมาขอเราเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเขาแอบอ้างใช้นามสกุลเรา ก็ไม่รู้ว่าเป็นคนที่ติดตามเรามาตลอด คนที่ชอบพอนามสกุลเรา หรือว่ามีอคติอะไรกับเราในใจหรือเปล่า จากนั้นก็แชตไปถามเหตุผลเค้าว่าทำไมเอานามสกุลเราไปใช้ แต่เขาก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับมา"
- ถูกส่งข้อความมาด่าเสียๆ หายๆ ในโทรศัพท์ -
"เป็นเรื่องที่นานมากขณะเป็นผู้ประกาศอยู่ที่เดอะเนชั่น สมัยนั้นซิมมือถือยังไม่มีการจดทะเบียนลงชื่อ หรือเอาบัตรประชาชนมาซื้อซิม ก็มีคนส่งข้อความมาด่าหยาบๆ คายๆ ด่าพ่อ ด่าแม่ เรียกว่าหยาบคายมากค่ะ เป็นแบบนี้อยู่ระยะหนึ่ง จึงตัดสินใจไปลงบันทึกประจำวันไว้ ว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับเรา นี่คือเป็นเพราะเบอร์นี้เลยนะ เพราะกริ๊งไม่มีคู่กรณีที่ไหน จากนั้นกริ๊งก็นิ่ง ไม่ได้ไปต่อความยาวสาวความยืดอะไร จนเรื่องมันก็จบลงไปในที่สุด คนส่งคงเหนื่อย เงียบหายไปเอง"
- จนถึงวันนี้ไม่รู้จริงๆ ว่าใครที่คอยตามราวี -
"ไม่รู้เลยจริงๆ ยิ่งเคสเก่าๆ ที่เคยโดนยิ่งไม่รู้ เพราะกริ๊งไม่มีศัตรู แต่พอมาเคสทวิตเตอร์ เชื่อว่าน่าจะไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ผ่านๆ มา มันอาจจะเป็นความซวยของเราที่มือดีรายนี้ดันดึงเราเข้ามาสร้างประเด็นเกี่ยวโยงด้วย ก็อยากให้ตำรวจจับตัวผู้กระทำผิดให้ได้ เพราะคำพูดคำจาที่เค้าโพสต์ลงไปในเฟซบุ๊กสร้างความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงในแวดวงผู้ประกาศข่าว"

...
- หลังเปิดข่าวดัง ทวิตเตอร์ รีบปิดหนีหายทันที -
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผกก.3 ฐานะ โฆษก บก.ปอท. เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบขณะนี้พบว่า ทวิตเตอร์ ชื่อ "เงี่..นไปกับนักข่าว @TheDarkAnchors" ได้ลบภาพ และทำการปิดทวิตเตอร์ไปเมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 20 ธ.ค. ทำให้ตรวจสอบร่องรอยยากขึ้น
"เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามตัวแอดมินเพจดังกล่าว และจะติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก เบื้องต้น ความผิดเข้าข่ายในข้อหาหมิ่นประมาทเป็นส่วนใหญ่ มีเพียงบางรายเท่านั้นที่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เนื่องจากมีการตัดต่อภาพผู้ประกาศข่าวหญิงบางราย ทำให้เจ้าของภาพเสื่อมเสีย"
