กรมควบคุมมลพิษ ตรวจวัดค่า PM2.5 พบค่าระหว่าง 44-103 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร กระทบต่อสุขภาพ ควรเฝ้าระวัง ลดทำกิจกรรมกลางแจ้ง....

จากกรณีที่กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์ฝุ่นละออง ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประจำวันที่ 20 ธ.ค. พื้นที่ริมถนนอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 17 พื้นที่ และมีผลกระทบต่อสุขภาพ 2 พื้นที่ ส่วนในพื้นที่ทั่วไปอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 13 พื้นที่ ตามที่รายงานไปนั้น

ขณะที่ การตรวจวัดค่า PM2.5 พบค่าระหว่าง 44-103 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินมาตรฐานที่บริเวณต่างๆ 13 พื้นที่ ได้แก่ ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน (มีผลกระทบต่อสุขภาพ), แขวงบางนา เขตบางนา, แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ, แขวงดินแดง เขตดินแดง, ริมถนนอินทรพิทักษ์ เขตธนบุรี, ริมถนนลาดพร้าว เขตวังทองหลาง, ริมถนนดินแดง เขตดินแดง, ต.นครปฐม อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม, ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง สมุทรปราการ, ต.ตลาด อ.พระประแดง สมุทรปราการ, ต.ปากน้ำ อ.เมือง สมุทรปราการ, ต.บางเสาธงอ.บางเสาธง สมุทรปราการ, ริมถนนคู่ขนานพระราม 2 อ.เมือง สมุทรสาคร (มีผลกระทบต่อสุขภาพ)

...

ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษ คาดการณ์ว่าในวันที่ 21 ธ.ค. คุณภาพอากาศในพื้นที่ริมถนนยังคงอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ปริมาณฝุ่นละอองมีแนวโน้มสูงขึ้น ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่คุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

โดยเกณฑ์ของดัชนีคุณภาพอากาศของประเทศไทยนั้น ได้มีการระบุว่า การตรวจวัดค่า PM2.5 ที่พบค่าระหว่าง 44-103 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรนั้น ประชาชนทั่วไป ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ถ้ามีอาการเบื้องต้น เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น

อย่างไรก็ดี การตรวจวัดค่า PM2.5 นั้น ถือว่าเป็นฝุ่นที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน เกิดจากการเผาไหม้ทั้งจากยานพาหนะ การเผาวัสดุการเกษตร ไฟป่า และกระบวนการอุตสาหกรรม สามารถเข้าไปถึงถุงลมในปอดได้ เป็นผลทําให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ และโรคปอดต่างๆ หากได้รับในปริมาณมากหรือเป็นเวลานานจะสะสมในเนื้อเยื่อปอด ทําให้การทํางานของปอดเสื่อมประสิทธิภาพลง ทําให้หลอดลมอักเสบ มีอาการหอบหืด.