คงไม่ต้องรื้อความทรงจำกันยืดยาว สำหรับแก๊งอีเปรี้วยสาวโหด ฆ่า น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือแอ๋ม อายุ 22 ปี สาวคาราโอเกะในเมืองขอนแก่น ศพถูกฆ่าหั่นแบ่งครึ่งเป็น 2 ส่วน ยัดใส่ถังฝังดินใน อ.เขาสวนกวาง กระทั่งกลุ่มคนร้ายหนีข้ามแดนไปประเทศเพื่อนบ้าน และถูกจับตัวได้ในที่สุด (อ่านข่าว : แก๊งเปรี้ยวหั่นศพ)
กระทั่งล่าสุด ตำรวจ สภ.หล่มเก่า อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ควบคุมตัว นายชิงชัย แซ่สง อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาฆ่าเมียตัวเอง ชาวเขาเผ่าม้ง ฟันเละ สภาพศพนอนคว่ำหน้า ขาตั้งแต่หัวเข่าลงไปขาดทั้งสองข้าง ข้อมือขวาขาด ศีรษะถูกฟันหั่นจนเละไปเกือบครึ่ง ก้นของผู้ตายมีมีดเสียบคาอยู่ 1 เล่ม บริเวณกลางหลังอีก 2 เล่ม สลดยิ่งไปกว่าเมื่อแพทย์เวรโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชหล่มเก่าจึงร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการช่วยกันชันสูตร ทราบว่าผู้ตายกำลังตั้งครรภ์ได้ 6 เดือน (อ่านข่าว: ฆ่าเมียท้อง 6 เดือน)
ทั้ง 2 เหตุการณ์เป็นคดีที่เพิ่งเกิดขึ้นในห้วงเวลารอบ 2 ปีที่ผ่านมา หากทว่า ก่อนหน้านี้คดีฆาตกรรมฆ่าหั่นศพสยดสยองมีมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การนำสืบคลี่คลายคดีของนักสืบมือฉมังขั้นเทพในอดีต ต่างระดมไขปมปริศนาคดียาก นำไปสู่การจับตัวฆาตกรโหดสุดเลือดเย็นดำเนินคดีตามกฎหมาย "ทีมข่าวเจาะประเด็น" ไทยรัฐออนไลน์ เปิด 4 เรื่องราวตำนานฆ่าโหด จากปากของนายตำรวจมือฉมังในวงการสีกากี
พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ (บิ๊กปุ๊) อดีต รอง ผบ.ตร. คลี่คลายปม หมอวิสุทธิ์ ฆ่าหมอผัสพร ปี 2544 ปัจจุบันพ้นโทษ ขอเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ บวชเป็นพระ
...
(อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 'ฆ่าโหด ชำแหละ แนบเนียน...' ปรากฏการณ์สยอง 'เสื้อกาวน์' เลือดเย็น...?)
นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ อีก 1 ในตำนานที่คงถูกเล่าขานสืบต่อกันไปสู่รุ่นลูกหลาน เพราะเป็นเรื่องราวการฆ่าภรรยาซึ่งเคยเป็นที่รัก โดยวิธีการ "แล่เนื้อชำแหละศพ" พญ.ผัสพร บุญเกษมสันติ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 2544 พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ (บิ๊กปุ๊) อดีต รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบคดีในสมัยนั้น เปรยให้เราฟังว่า
"เอาจริงๆ ไม่อยากจะพูดถึงคดีนี้อีกเลย เพราะว่ามันผ่านมานานแล้ว และเขาก็ออกจากคุกมาแล้ว เหมือนเป็นการซ้ำเติมครอบครัวให้เขาสะเทือนใจอีก ส่วนตัวเขาเองทราบว่าไปบวช ไม่อยากจะพูดในแง่ไม่ดี เพราะช่วงที่ทำคดีเท่าที่พูดคุยกับเขา ก็มีความรู้สึกเห็นใจ ทุกอย่างมาจากความอึดอัด กดดัน เหมือนมีอะไรบีบบังคับให้ต้องเป็นแบบนั้น ซึ่งก็ดำเนินคดีตามพยานหลักฐานที่มีทั้งหมด"
พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ พูดคุยกับเราผ่านเสียงจากปลายสายโทรศัพท์ ยืนยันความรู้สึกของตัวเองว่า "อึดอัด" และไม่อยากจะย้อนกลับไปพูดถึงเรื่องราวสะเทือนขวัญครั้งนั้น หากทว่าถูกทีมข่าวขอความคิดเห็นเพื่อเป็นวิจารณญาณ
"ตอนเขาติดคุกคิดจะไปเยี่ยมนะ แต่ไม่มีโอกาสได้ไป เขาเคยดูดวงผมด้วย ว่าผมจะได้ขึ้นยศสูงสุดเป็น พล.ต.อ. สมัยทำคดีผมเป็น พล.ต.ต. ตำแหน่ง รอง ผบช.น. ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าผมจะมาถึงจุดนั้นจริงๆ ถ้าให้ผมพูดก็จะเล่าแนวนี้แหละ เขาไม่ใช่คนจิตใจเลวร้ายอะไร ที่เขาทำทั้งหมดก็ชดใช้ไปแล้วในคุก วันนี้เขาออกมาปฏิบัติธรรมอยากให้สังคมลืมๆ สิ่งที่ผ่านมา อย่าขุดคุ้ยอะไรอีกเลย ฝากยินดีกับเขาด้วยที่ได้บวชอย่างตั้งใจไว้"
พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ (บิ๊กแหมว) ผบช.ภ.9 รื้อคดี "เสริม" นิสิตแพทย์ ฆ่า "เจนจิรา" แฟนสาวรุ่นพี่ ปี 2541
(อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เลือดสาดกระเซ็น! รวม 2 คดีสยองขวัญ ฆ่าหั่นศพในตำนาน อำมหิตเล่าขานไม่รู้ลืม)
สะเทือนวงการนักเรียนแพทย์ เมื่อเรื่องราวของ "นายเสริม สาครราษฎร์" เกิดขึ้นเมื่อปี 2541 ขณะเกิดเหตุกำลังศึกษาอยู่คณะแพทย์ ก่อเหตุฆ่าหั่นศพ น.ส.เจนจิรา พลอยองุ่นศรี แฟนสาวรุ่นพี่ปี 5 โดยใช้ปืนยิงที่ขมับแฟนสาว เนื่องจากมีปัญหาเรื่องความหึงหวง จากนั้นใช้มีดผ่าตัดเฉือนศพเป็นชิ้นๆ ทิ้งลงชักโครก จนมีผู้พบชิ้นเนื้อ
พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ (บิ๊กแหมว) ผบช.ภ.9 ย้อนเล่าให้เราฟังว่า สำหรับคดีนี้ ตัวเค้าเองไม่ใช่เจ้าของคดีโดยตรง ไม่ใช่พื้นที่รับผิดชอบ ขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นรอง ผกก.สส.บก.น.7 โดยมี พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ อดีต ผบก.ป. เป็น ผกก.สส.บก.น.7 แต่ที่ได้มาทำคดีเพราะรู้สึกสนใจ จึงปรึกษากับ พล.ต.ต.โกสินทร์
...
"เหตุที่อยากทำเพราะไปนั่งร้านตัดผม แล้วชอบอ่านหนังสือพิมพ์ หน้า 1 มันจะมีข่าวกรอบเล็กๆ ประกาศตามหาผู้หญิงคนหนึ่งทุกวันแต่ยังหาไม่พบ ก็สงสัยว่าหายไปไหน จึงเข้าไปขอทราบรายละเอียด และร่วมทำคดีนี้กับพื้นที่คือ สืบสวนนครบาล 1 หรือเรียกว่า สืบเหนือในสมัยนั้น ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่เคยเรียกผู้ต้องสงสัยมาสอบแล้วหลายรอบ ทั้งมาคนเดียวและมากับทนายความ แต่ยังให้การปฏิเสธ" บิ๊กแหมว เล่าย้อนอดีต
กระทั่งเริ่มทำคดีนี้ ได้ให้ลูกน้องไปเรียกตัวนายเสริมมาสอบ จำได้ว่าก่อนที่เขาจะเดินทางไปมหาวิทยาลัย ใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ 6-7 ชม. ถึงเริ่มคลี่ปมออกมาเรื่อยๆ เราก็หาหลักฐานไปตามคำให้การ ก็เป็นจริงทุกอย่าง ไม่ว่าจะสถานที่ลงมือฆ่า ที่ทิ้งอาวุธปืน รวมถึงย่านเมืองทองธานีที่นำรถของผู้ตายไปทิ้ง ยาวไปจนถึงจุดทิ้งกะโหลก ณ วันนี้จำได้ว่า ถึงแม้จะมีหลักฐานว่า นายเสริม อยู่กับเจนจิราเป็นคนสุดท้าย แต่ไม่ทิ้งหลักฐานอะไรไว้เลยว่าเป็นผู้ลงมือ รวมถึงการสืบหามันซับซ้อนกว่านี้มากนั้นเป็นเพราะ “เขาเป็นคนมีการศึกษา มีความคิดที่รอบคอบกว่า แตกต่างจากการฆ่าหั่นศพสมัยนี้ ผู้ลงมือก่อเหตุจะมีวิธีที่แตกต่างกันอยู่มาก”
...
“ปัจจุบันทราบว่าพ้นโทษแล้ว ก็ไม่อยากจะไปซ้ำเติมอะไรหรือพูดลงละเอียด เพราะมันคืออดีต มันผ่านไปแล้ว สิ่งที่เขาทำทั้งหมดชดใช้แล้ว ไม่อยากให้ขุดขึ้นมาซ้ำเติม ทุกคนต้องมีจุดเริ่มต้น มีโอกาสเริ่มใหม่ ใครเสพข่าว ข้อมูล ก็เสพไว้แค่เป็นอุทาหรณ์ว่าอย่าไปทำแบบนี้ ไม่ใช่เสพข้อมูลเพื่อมาซ้ำเติมเขา ผมเล่าได้แค่นี้”
พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รอง ผบช.ภ.7 "ฆ่าหั่นศพชายฮังการี ยัดตู้แช่ 8 ปี สุดสยอง"
(อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ฝรั่งหั่นศพ ยอมเปิดปากพลั้งมือฆ่า ปมทวงหนี้)
"สมัยนั้นผมยังเป็น ผบก.น.5 เหตุเกิดในพื้นที่ สน.พระโขนง เมื่อ ต.ค. 2559 ซึ่งครั้งนั้นตำรวจไปตามจับกุมชาวต่างชาติ 3 คน พร้อมพาสปอร์ตปลอมจำนวนมาก หลังจับผู้ต้องหาได้ ตรวจสอบพบตู้แช่เย็นที่ถูกล็อกกุญแจไว้อย่างหนาแน่น พบเป็นศพชายเชื้อชาติฮังการี สัญชาติอเมริกัน ถูกหั่นแยกชิ้นส่วน คดีนี้ค่อนข้างยาก เพราะผู้ตายถูกฆ่ามานาน ตรวจสอบพบว่าตู้แช่เย็นที่พบ ผู้ต้องหาซื้อมาตั้งแต่ปี 2551 โดยศพที่ถูกหั่น ถูกฆ่ามา 8 ปี หรือ 1 ปี แทบไม่แตกต่างกันเลย เพราะศพถูกแช่เย็นมาตลอด" พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม กล่าว
...
เราต้องตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ทั้งตู้แช่ ถุงห่อศพ เชือก กุญแจคล้องตู้ รวมถึงหลักฐานอื่นๆ มาประกอบ ต้องตรวจหาพยานย้อนหลังไป 7-8 ปี และใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์ประกอบ ซึ่งการสืบสวนว่าผู้ตายเป็นใคร มาจากการเก็บดีเอ็นเอ สอบพยานแวดล้อม และให้ พฐ.ทำกราฟิกใบหน้า เมื่อได้ดีเอ็นเอมาแล้วก็ต้องยืนยันหลักฐานไปยังต่างประเทศ เพื่อให้ญาติผู้ตายที่ต้องสงสัยมาตรวจสอบหลายคน จนยืนยันได้ว่าเป็นญาติกันและทราบชื่อผู้ตายชัดเจน
"สำหรับมูลเหตุจูงใจในการฆ่า ก็ยังเป็นปริศนาถึงทุกวันนี้ เพราะนายปีเตอร์ให้การปฏิเสธและไม่ยอมสารภาพ ตำรวจก็สันนิษฐาน ทั้งเรื่องโกรธแค้น เรื่องส่วนตัว ชู้สาว ประเด็นรักร่วมเพศ หรือหักหลังธุรกิจ ซึ่งยังไม่แน่ชัด และคดีหั่นศพนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เคยทำด้วย"
พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. "ฆ่าหั่นศพอดีตตำรวจอิสราเอล โบกปูน ซุกในบ้านพักตัวเอง
(อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ฆ่าหั่นศพ! ยัดเป๋าโบกปูน อดีตตร.ยิว)
"การหายตัวไปครั้งนี้ ผู้ต้องหาปฏิเสธ บอกไม่รู้ไม่เห็นการหายตัวไปของผู้ตายนั้นคือ นายเฮลิยาฮู โคเฮน (Mr.Eliyahu Cohen) อายุ 63 ปี ชาวอิสราเอล และเป็นอดีตตำรวจอิสราเอล ต่อมาตำรวจเข้าตรวจค้นในบ้านย่านบางบัวทอง พบคราบเลือดที่บานพับประตู ซ้ำยังมีกลิ่นเหม็นเน่า ที่พิรุธยิ่งไปกว่านั้นคือ ร่องรอยการก่อปูนที่มีลักษณะเพิ่งเสร็จใหม่ๆ โดยใช้อิฐบล็อกต่อกันสูงประมาณ 2 ก้อน และโบกปูนทับไว้ใกล้ห้องน้ำใต้บันได มันน่าสงสัย จึงทุบทำลายปูนทิ้งก็เจอศพถูกหั่นเป็น 3 ท่อน แบ่งใส่ถุงดำเป็น 3 ถุง ถุงแรก เป็นส่วนศีรษะ มีร่องรอยฟันกลางศีรษะ ถุงที่ 2 เป็นขาซ้าย สวมถุงเท้าสีดำ และถุงที่ 3 เป็นถุงใหญ่" พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง กล่าว
คดีนี้เกิดเหตุขึ้นเมื่อปี 2559 ขณะนั้น พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ดำรงตำแหน่งเป็น ผู้บังคับการกองปราบปราม โดยการลงพื้นที่ของตำรวจ กก.1 บก.ป. เบื้องต้นผู้ต้องหาสารภาพว่า ผู้เสียชีวิตมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแฟนสาว จึงหึงหวง บันดาลโทสะ ลงมือฆ่าตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. คดีนี้จับผู้ต้องหาได้ไว เพราะทีมตำรวจประสานกัน แบ่งงานกันทำเป็นส่วนๆ ไป เลยจับคนร้ายได้ใน 24 ชม. ก็ถือว่ารวดเร็ว และเป็นคดีสะเทือนขวัญที่ต่างชาติมาก่อเหตุในไทย.