เรื่องลี้ลับเหลือเชื่อ ที่หลายคน "ไม่เคยคิดจะเชื่อ" กลับกลายเป็นปรากฏการณ์พิสดาร ยากต่อการนำมาวิเคราะห์พิสูจน์ตามข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์​ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเกิดจาก มโนสำนึก หรือ คิดมากจนเพ้อฝันไปเอง แต่ก็ว่าไม่ได้อีกนั้นแหละเพราะที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เบาะแสข้อมูลคดีฆาตกรรมจากญาติของผู้ตายที่สาบสูญ นำสู่การค้นหาศพเจอตามสถานที่ลึกลับต่างๆ ดั่งข้อมูลที่วิญญาณได้มาเข้าฝันญาติ ไม่ผิดเพี้ยน 

ดั่งเช่นเรื่องเหลือเชื่อที่ปรากฏตามหน้าสื่อกระแสหลักในรอบปีที่ผ่านมา "การฆ่าซ่อนศพ" นำไปอำพรางยังที่ลี้ลับ และเมื่อถึงที่สุดแล้ววิญญาณ (ที่มีจริงรึเปล่าก็ไม่รู้) กลับมาเข้าฝันให้ข้อมูลการหายตัว ชี้จุดบอกญาติสนิท หรือคนในครอบครัว ก่อนจะนำรายละเอียดทั้งหมด มาส่งต่อยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ พากันไปค้นหาที่ซ่อนศพตามกล่าวอ้าง กระทั่งเรื่องไม่คาดฝันก็ปรากฏชัดเมื่อศพถูกซ่อนตามข้อมูลรายละเอียดเป๊ะๆ......ก็ไม่รู้สินะ สืบสวน สอบสวนตามกระบวนการมานานนับปีแต่กลับสาวไปไม่ถึงเบาะแสที่ซ่อน กระทั่งวิญญาณมาเข้าฝันญาติ ดันเจอศพเสียอย่างนั้น 

...

- ผัวหายตัวลึกลับ อยู่ดีๆ เข้าฝันเมีย ระบุจุดนอนตาย ในร่องน้ำ วอนให้มารับ -  

ไม่ใช่ข่าวใหญ่แต่ทำเอาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านบึง ต้องอึ้งไปตามๆกัน เพราะเมื่อปลายเดือนกันยายน 2561 ที่ผ่านมา ได้พบศพของ  นายไสว สีดาโคตร อายุ 40 ปี นอนเสียชีวิตภายในร่องน้ำกลางป่ามันสำปะหลัง ซึ่งก่อนหน้านี้เขาได้หายตัวลึกลับ กระทั่ง นางหลอด อนุลีจันทร์ อายุ 35 ปี ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า สามีมาเข้าฝัน บอกว่านอนอยู่ในร่องน้ำ ต้องการให้มารับศพกลับไป 

ความเชื่อสนิทใจ นำสู่การค้นหาตัวสามีตามคำบอกเล่าในฝัน กระทั่งได้กลิ่นเหม็นเน่าอย่างรุนแรงชี้ไปตามทางข้อมูลระบุ กระทั่งพบศพ อยู่ในสภาพศพขึ้นอืดนอนคว่ำหน้าอยู่ในร่องน้ำมีต้นหญ้าปกคลุม สวมเสื้อและกางเกงชุดกีฬาสีแดง คาดว่าเสียชีวิตมาประมาณ 4 วัน ชัดเจนแล้วว่า นี่คือร่างของ "นายไสว สีดาโคตร" อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 3 ตำบลนาเกษม อำเภอทุ่งศรีอุดม จังหวัดอุบลราชธานี ตามที่ภรรยายืนยัน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบตามร่างกายไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด

ภรรยาของนายไสว ล่าว่า ตนเองกับผู้ตายมีอาชีพลูกจ้างทำสวนทำไร่ ก่อนเกิดเหตุนายไสว สามีได้หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่านายไสว คงจะออกเดินตามหาตนเองที่ออกไปหาปลา แต่เมื่อตนเองกลับจากหาปลากลับไม่พบสามีอยู่ที่บ้าน ตนจึงออกตามหาสามีเช่นกันแต่ก็ไม่พบ ผ่านไปหลายวันจนสามีมาเข้าฝัน จึงนำเรื่องทั้งหมดไปแจ้งเจ้าหน้าที่ แล้วพบศพดังกล่าว 

- หายตัวลึกลับ 4 เดือน สาวเข้าฝันแม่ ช่วยขุดศพ ถูกฝังใต้ดินที่บ้าน พรหมพิราม -

การหายตัวไปนายถึง 4 เดือน ของ นางราตรี ทองดี อายุ 21 ปี ทำให้ผู้เป็นแม่อย่าง นางสมจิตร จิตรประจักษ์ อายุ 55 ปี กระวนกระวายใจ เหตุเกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน ปลายปี 2553 ภายหลังแม่ได้เข้าไปถามหาลูกสาว กับนายเสนี ทองดี อายุ 27 ปี (สามีลูก) แต่กลับได้รับคำตอบว่า "ลูกสาวของเธอได้หนีออกจากบ้านไป" ซึ่งในวันนั้นผู้เป็นแม่ จึงเดินทางเข้าแจ้งความยัง สภ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก 

กระทั่ง 4 เดือนผ่านไป ลูกสาวที่หายตัวลึกลับกลับมาเข้าฝันผู้เป็นแม่ ระบุพิกัดถูกฆ่าฝังศพไว้ใต้ต้นมะม่วงหลังบ้าน เลขที่ 4 หมู่ 12 ต.พรหมพิราม จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ จึงได้ช่วยกันขุดบริเวณดังกล่าว แต่ก็ไม่พบ.... ก่อนแม่จะเดินทางกลับไปยัง จ.พิจิตร และปรึกษากับญาติพี่น้องช่วยกันตามหาบุตรสาว จนกระทั่งต่อมา บุตรสาวเข้าฝันอีกครั้ง ย้ำชัดศพถูกซ่อนอยู่ที่จุดเดิม แต่ให้ขุดลึกลงไปอีก ผู้เป็นแม่จึง ย้อนกลับมาขุดลึกลงไป ทำให้เจ้าหน้าที่และญาติผู้เสียชีวิตถึงกับตะลึง เมื่อพบโครงกระดูกมนุษย์ดั่งที่ฝันไว้ ท้ายสุด สามีซึ่งเป็นมือฆ่า ยอมรับสารภาพว่าโครงกระดูกที่ค้นพบ เป็นศพของนางราตรีจริง  

- คดีดังแห่งปี สาวใช้ถูกซ้อมตาย นำร่างฝังดินนาน 5 ปี วิญญาณชี้เบาะแส ที่ซ่อน -

เป็นคดีดังแห่งปีที่เพิ่งจะผ่านไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อนางจันทิรา ศรีศักดิ์ ชาวจังหวัดเพชรบุรี เข้าขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณา หงสกุล ภายหลังบุตรสาวของเธอ คือ น.ส.จริยา ศรีศักดิ์ หรือ น้องน้ำ อายุ 16 ปี ที่หายสาบสูญไปนานกว่า 5 ปี ทั้งนี้ เมื่อปี 2554 ได้มีคนรู้จัก ชื่อ นางสาวปลา มาชวน ลูกสาวเดินทางเป็นทำงานเป็นสาวใช้ให้นายจ้างที่บ้านหลังหนึ่งในกรุงเทพมหานคร โดยสัญญาว่าจะดูแลบุตรสาวตนเป็นอย่างดี และจะพากลับมาหาทุกอาทิตย์

...

แต่ปรากฏว่าตั้งแต่ไปทำงาน นายจ้างไม่เคยพาลูกสาวกลับมาสักครั้ง  ในช่วง 2 เดือนแรก ตนได้ติดต่อกับลูกสาวเพียงโทรศัพท์ 2 ครั้ง ผ่านเบอร์ของนายจ้าง ครั้งสุดท้ายวันที่ 13 เมษายน 2554 ลูกสาวบอกว่าอยากกลับบ้าน จากนั้นโทรศัพท์ได้ตัดไป ตนพยายามติดต่อแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ตนเกรงลูกจะเป็นอันตราย จึงได้ให้ น.ส.ปลา ติดต่อนายจ้างของลูกสาว แต่ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้

ต่อมานายจ้างได้ติดต่อมาและอ้างว่าลูกสาวได้หนีออกจากบ้านไป ตนจึงเข้าแจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.เมืองเพชรบุรี ตนพยายามตามหาแต่ไม่มีวี่แวว กระทั่งช่วงกลางเดือนตุลาคม 2560 มีพลเมืองดีได้ให้เบาะแสตนว่า ลูกสาวตนถูกนายจ้างซ้อมจนเสียชีวิต และวิญญาณลูกได้มาเข้าฝันบอกที่ซ่อนศพ ถูกฝังไว้ใกล้กับต้นตาลหลังบ้านของแม่นายจ้าง ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี จึงประสานไปยังมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อช่วยเหลือ เนื่องจากครอบครัวของนายจ้างเป็นผู้มีอิทธิพลในย่านดังกล่าว เกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย

ต่อมาเจ้าหน้าที่กองปราบปราม ได้ประสานไปยังมูลนิธิในพื้นที่ทำการขุดค้นหาบริเวณบริเวณใต้ต้นตาล ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ท้ายไร่ดังกล่าว ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับแจ้งเบาะแส โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ขุดลึกไปประมาณ 1 เมตร กระทั่งพบห่อผ้าพลาสติกขนาดใหญ่ เปิดดูพบผ้าห่มห่อหุ้มถุงขยะพลาสติกดำ คลี่ออกพบโครงกระดูกมนุษย์ทั้งตัว จึงนำขึ้นมาตรวจสอบ พบศพดังกล่าว สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงในสีเนื้อ ไม่พบเสื้อผ้า และหลักฐานอื่น แพทย์ชันสูตรศพพบกรามด้านซ้ายหัก ซี่โครงขวาหัก นางจันทิราเดินทางไปที่เกิดเหตุ พร้อมยืนยันว่าเสื้อผ้ารูปร่างและเส้นผมที่ยังหลงเหลืออยู่ เป็นของบุตรสาวของตน

...

- ฆ่าโบกปูนซ่อนศพสามเณรปลื้มใต้ฐานองค์พระวัดดังวิญญาณโผล่ในวัดสุดสยอง - 

การหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยกว่า 5 เดือนของสามเณรปลื้ม ทำให้ทางพ่อและญาติ เข้าร้องเรียนกับตำรวจ โดยให้เบาะแสว่าสามเณรปลื้มเคยมีปากเสียงกับคู่กรณีในวัดก่อนหายตัวลึกลับในวัดดัง จ.นครศรีธรรมราช 

1 มิถุนายน 60 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญพระเด่นชัย, นางบิว ภรรยาของพระเด่น, สามเณรสุริยา, พระภิกษุอีก 1 รูป และฆราวาสอีก 1 คน รวมผู้ต้องสงสัยจำนวน 5 คน มาสอบสวนปากคำ กระทั่งพระเด่นสารภาพ เป็นผู้ลงมือฆ่าสามเณรปลื้มจริง สาเหตุเพราะเชื่อว่า สามเณรปลื้มเป็นผู้ขโมยทรัพย์สินของภรรยาไป คือ เงินสดจำนวน 50,000 บาท, สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท 1 เส้น, พระเลี่ยมทองหนัก 1 บาท 1 องค์

ในคืนวันที่ 5 ม.ค. ได้เรียกสามเณรปลื้มมาสอบถามแต่ปากแข็ง ไม่ยอมรับจึงลงมือทุบตีจนแน่นิ่ง ก่อนจะนำศพไปฝังใต้ฐานพระ โดยเทพื้นซีเมนต์และก่อฐานทับร่างสามเณรปลื้ม นำพระพุทธรูป “พระชินราช” มาประดิษฐาน ก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่บริเวณหลุมฝังศพให้เป็นสวนหย่อมพักผ่อน เพื่อปิดบังซ่อนเร้นศพ และหลังก่อเหตุรู้สึกไม่สบายใจคิดมากมาตลอด สำนึกผิดในการกระทำ จึงตัดสินใจบวชเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา เพื่ออุทิศบุญกุศลให้สามเณรปลื้ม

...

เรื่องราวเหมือนจะจบลงด้วยดี แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่าสาเหตุการตายของสามเณรปลื้มน่าจะเป็นเรื่องขัดผลประโยชน์ของวัดมากกว่า โดยสามเณรปลื้มน่าจะไปล่วงรู้แผนการของคนร้ายจึงถูกฆ่าปิดปากและนำศพมาฝังดินเพื่ออำพรางคดี โดยจากการตรวจสอบพบว่าเมื่อ 6-7 ปีที่ผ่านมา นางปิยฉัตรและอดีตพระเด่นชัยเป็นผู้เข้ามาดูแลผลประโยชน์ของวัดแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งมีทั้งรายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ของวัดมูลค่าหลายร้อยล้านบาท เงินสดที่ไหลเข้าวัดทุกวัน วันละไม่น้อยกว่า 15,000 บาท ทั้งจากการเก็บค่าแผงค้ารายวัน ค่าจอดรถรายวัน และอื่นๆ อีกหลายรายการ

สาเหตุที่เรื่องทั้งหมดแดงขึ้นมา เนื่องจากพระและญาติโยมที่มาทำบุญในวัด ต่างพากันเห็นวิญญาณสามเณรปลื้มวนเวียนอยู่รอบวัดจึงมั่นใจว่า น่าจะเสียชีวิตแล้วและร่างน่าจะถูกฝังอยู่ในวัดดังกล่าว จึงเป็นที่มาของการสืบสวนนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี 

- ฆ่าหั่นร่างสาว 14 ชิ้น โยนศพทิ้งย่านมีนบุรี เข้าฝันกู้ภัยตามหาท่อนแขนที่หาย-

สุดสะพรึง ศพหญิงสาวถูกแฟนเก่าฆ่าหั่นแยกร่างเป็น 14 ชิ้น โยนทิ้งริมป่าข้างทางย่านมีนบุรี ทราบชื่อคือ นางสาวลักษณา หรือเมย์ กำลังเก่ง ชาว จ.ร้อยเอ็ด นายธนฤต หรือวุธ เปิดปากรับโดยดี เป็นผู้ลงมือฆ่าแฟนเก่า เพราะหึงหวง แค้น และทำใจไม่ได้ที่ฝ่ายหญิงบอกเลิก ใช้ค้อนกระหน่ำตีจนฝ่ายหญิงเสียชีวิต ทิ้งศพไว้ในห้อง 1 คืน จึงไปซื้อมีดมาเริ่มหั่นศพใส่ถุงพลาสติกแล้วขี่มอเตอร์ไซค์วนหาจุดทิ้งศพ

น่าขนลุกไปกว่า เมื่อ นายจตุรฉัตร เหล็กศรี เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัย ซึ่งระหว่างลงพื้นที่ค้นหาชิ้นส่วนท่อนแขนขวาของผู้ตายที่ยังหาไม่พบ ได้เกิดเรื่องราวประหลาดที่เกิดขึ้น หลังลงพื้นที่ค้นหากับเพื่อนเจ้าหน้าที่แล้วก่อนหน้านี้ แล้วกลับไปนอนพักที่ห้อง 2 ชั่วโมง ซึ่งระหว่างที่นอนหลับ ได้ฝันเห็นจุดเกิดเหตุ เป็นภาพจุดที่มีผ้าคลุมศพอยู่ ฝั่งตรงข้ามมีศาลารอรถโดยสาร โดยที่จุดนั้นตนเองมองเห็นเป็นแขนที่ถูกวัตถุหนึ่งทับอยู่ พอตื่น ตนเองได้สอบถามชาวบ้านในละแวก ก็ได้รับคำตอบว่ามีคนฝันเห็นในลักษณะคล้ายๆ กันกับตนด้วย 

จากนั้น ไปค้นหาจุดดังกล่าวตามที่ฝันเห็น แต่จุดดังกล่าวปัจจุบันไม่มีศาลารอรถอยู่แล้ว มีเหลือเพียงตอไม้เท่านั้น ซึ่งก็ยังหาไม่พบแต่อย่างใด วิญญาณกำลังจะบอกอะไร แล้วทำไมเจ้าหน้าที่ถึงหาไม่เจอ.

-ซ่อนศพ ผอ.อ้อย เข้าฝันแม่ ชี้จุดในป่าลึกเนินเขา ใกล้ชายแดนไทย กัมพูชา -

จากคดีปริศนาการหายตัวไปของ ผอ.อ้อย หรือ น.ส.จุฑาภรณ์ อายุ 37 ปี ผู้อำนวยการกองการศึกษา อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค. 60 โดยทางญาติช่วยกันค้นหาเป็นเวลากว่า 90 วันก่อนพบโครงกระดูก เสื้อผ้าและนาฬิกาของ ผอ.อ้อย ถูกทิ้งอยู่ห่างจากฐานปฏิบัติการอนุพงศ์ กองร้อยทหารพรานที่ 2305 อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี

โดยระหว่างที่หายตัวไปนั้นไลน์ของ ผอ.อ้อย กลับมีความเคลื่อนไหวและมีสัญญาณมือถือ แต่ไม่ยอมรับสาย ที่สำคัญมีการทำธุรกรรมการโอนเงินผ่านระบบออนไลน์ไปยังหมายเลขบัญชีหนึ่งอย่างต่อเนื่องกลายเป็นหลักฐานนำไปสู่การมัดตัวฆาตกรที่เชื่อมโยงไปยัง ผู้กองเหน่ง หรือ ร.อ.ศุภชัย อายุ 30 ปี และถูกแจ้งข้อกล่าวหาหนัก

ที่น่าขนลุกไปกว่าคือ "นางแหลม อุ่นอ่อน" แม่แท้ๆ ของ ผอ.อ้อย  เล่าว่า ลูกสาวของเธอได้มาเข้าฝันว่าศพ อยู่บนเนินเขา ทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต ใกล้กับสนามจอดเฮลิคอปเตอร์ ห่างจากฐานทหารอนุพงษ์ เพียง 400 เมตร บ้านโนนสูง ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ต่อมา จนท. จึงได้พากันเดินทางมาตรวจสอบ และเมื่อขึ้นไปตามทางที่จะขึ้นไปช่องบก ก็พบสนามจอด ฮ. จึงได้เลี้ยวขวาเข้าไปทางที่จะขึ้นเนิน 500 เลี้ยวขวาไปประมาณ 100 เมตร ก็เลี้ยวขวาเข้าป่าอีกครั้งหนึ่งเดินเข้าไปไม่ถึง 10 เมตร ก็พบกับกระดูก กะโหลกศีรษะที่มีฟันบนติดอยู่ กองเส้นผม ฟันกรามล่าง และนาฬิกาดิจิตอลสายหนังสีดำ ซึ่งทั้งหมดเมื่อเห็นแล้วทำให้มั่นใจและเชื่อได้ว่าเป็นของ ผอ.อ้อย อย่างแน่นอน.