เคยสัญญากันไว้ว่าทันทีที่ได้ติดยศ "พ.ต.อ." จะให้ทีมข่าว "ไทยรัฐออนไลน์" สัมภาษณ์เปิดใจ เพราะเมื่อสมัย พ.ต.ท.ดวงโชติ สุวรรณจรัส นั่งเก้าอี้เป็นรองผู้กำกับปราบปราม สน.ลุมพินี พลิกพื้นพัฒนาพื้นที่เกรดเอ ให้กลายเป็น A ++ ด้วยฝีมือการกวาดล้างอาชญากรรมเชิงรุก บรรเทาทุกข์ประชาชนได้มากโข รวมไปถึงขับเคลื่อนศักยภาพบุคลากรภายใต้บังคับบัญชา และจัดภูมิทัศน์สถานที่ภายในโรงพัก ตั้งแต่บริเวณลานจอดรถทางเข้า-ออก ระบบบริการที่สะดวกรวดเร็วทันสมัย ยาวไปจนถึง ห้องประชุมที่เก๋ไก๋ "สุดล้ำ-ล้ำที่สุด" ในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ จนเราๆ ท่านๆ เผลอคิดกันไปเองว่า สน.ลุมพินี ต้องมีนายตำรวจหนุ่มไฟแรงคนนี้ จับจองเก้าอี้ผู้กำกับเป็นแน่แท้ 

"คนเก่ง อยู่ที่ไหน ก็เป็นประโยชน์กับส่วนรวม" เมื่อคำสั่งแต่งตั้งนายตำรวจ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา รายชื่อ "พ.ต.ท.ดวงโชติ สุวรรณจรัส" รองผู้กำกับปราบปราม สน.ลุมพินี มีชื่อไปแต่งตั้งเป็น "พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส" ผู้กำกับการ ดูแลพื้นที่ สน.บางรัก ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ บก.น.6 ก็ไม่ได้รู้สึกพลิกโผ หรือแปลกใจแต่อย่างใด เพราะเชื่อว่าผู้บังคัญบัญชาระดับสูง เล็งเห็นถึงศักยภาพ จึงไว้เนื้อเชื่อใจให้ขึ้นตำแหน่งดูแลพื้นที่ สถานีตำรวจนครบาลบางรัก .....จากวันแรกจนถึงวันนี้ ล่วงเลยมาร่วม 7 เดือนแล้ว ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ พามาสำรวจพื้นที่ "บางรัก" ยุคสมัยนี้ มีอะไรที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปบ้าง 

...

"รู้สึกดีใจที่ผู้ใหญ่เห็นความสามารถ และให้โอกาสดูแลพื้นที่สำคัญใจกลางเมืองหลวง ซึ่งมีพื้นที่ให้รับผิดชอบดูแลมากกว่า 2.8 ตารางกิโลเมตร และมีผู้ใต้บังคับบัญชาที่ต้องดูแลอีก 200 ชีวิต นโยบายการทำงานและผลที่อยากจะได้รับกลับมา ต้องดีขึ้นกว่าเดิมในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นงานป้องกันและปราบปราม งานสืบสวน และงานจราจร รวมไปถึงการอำนวยความสะดวกประชาชนที่เดือดร้อน รอการช่วยเหลือ เรียกได้ว่าต้องเคร่งครัดให้ ตำรวจ สน.บางรัก ตอบโจทย์ประชาชน แก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนอย่างทั่วถึง" 

ความแตกต่างของพื้นที่ ลุมพินี กับ บางรัก และภาระรับผิดชอบที่ทวีคูณขึ้น 

พื้นที่ สน.บางรัก สงบเรียบร้อยมาตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา อะไรที่เราเห็นว่าเป็นช่องโหว่ตามหน้างานต่างๆ เราก็จะกำชับเสมอว่าต้องดีขึ้นอย่างมีคุณภาพ ยอมรับว่าตัวเองดุกับลูกน้อง แต่ทั้งหมดที่จี้จุดกำชับไป ก็เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในพื้นที่ ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม เฝ้าระวังทุกเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เรียกว่าต้องจับตาดูตลอด ค่อยๆ เรียนรู้ปรับปรุงกันไป ส่วนเรื่องใดที่ผิดพลาดก็จะต้องให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีโอกาสได้แก้ตัว และลงมือทำให้ดีกว่าเดิม 

"จริงๆ แล้ว สน.บางรัก พื้นที่ในเขตรับผิดชอบของ บก.น.6 พี่ไม่เคยอยู่มาก่อน แต่ บางรัก เป็นพื้นที่ติดต่อกับ ลุมพินี สภาพภูมิประเทศกับสภาพการทำงานของ บก.น.5 - บก.น.6 ก็ค่อนข้างต่างกันบางอย่าง บก.น.5 พื้นที่จะค่อนข้างกว้าง การทำงานก็จะเน้นการป้องกัน และมีชาวต่างชาติเยอะ ส่วน บก.น.6 อย่าง สน.บางรัก ทำเลที่ตั้งถนนหนทางเป็นทางวันเวย์ซะส่วนใหญ่ ไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อการก่อเหตุอาชญากรรม ทำอะไรผิดก็หนีรอดออกไปยากกว่า ที่สำคัญ กำลังสายตรวจของเรา ถึงแม้จะมีน้อย แต่เดินหน้าทำงาน 24 ชม. ดังนั้นหากมีเรื่องราวเกิดขึ้นในพื้นที่ ตำรวจเข้าถึงทันเวลาระงับเหตุ" 

...

พื้นที่บางรัก มีต่างด้าวปักหลักเยอะ แต่ไม่สร้างปัญหาอาชญากรรม 

ส่วนใหญ่เป็นชาวอินเดีย เป็นแขก ที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยมามากกว่า 30 ปี หลายครอบครัวอยู่กับจนได้สัญชาติไทย ทำธุรกิจค้าเพชร พลอย และห้างร้านต่างๆ ทำมาค้าขายสุจริตดีไม่เคยมีปัญหาอาชญากรรม ส่วนเศรษฐกิจในพื้นที่ มีทั้งสถานบริการ อย่างพัฒน์พงศ์ ผับ บาร์ ต่างๆ แล้วก็จะมีย่านการค้า ค้าเพชรพลอย ย่านธุรกิจ อาคารออฟฟิศ ซึ่งปัจุบันได้รับความร่วมมือในการจัดระเบียบสถานที่เป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการ นอกจากนี้ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตขยันขันแข็ง ลงตรวจพื้นที่บ่อย เมื่อเราบูรณาการร่วมกัน ทุกอย่างก็ขับเคลื่อนไปได้ด้วยดี

"ต่างด้าวที่นี่ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรนะ ส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจ ทำมาหากินสุจริต จึงไม่ค่อยสร้างความหนักใจให้โรงพักมากนัก แต่ปัญหาคดีก็มีบ้าง แต่ถือเป็นส่วนน้อย ไม่ได้สร้างผลกระทบโดยรวมในพื้นที่" 

คดีที่ถือว่าเกิดขึ้นบ่อยในเขตความรับผิดชอบของ สน.บางรัก?

เป็นคดีเช็ค คดีฉ้อโกง เพราะอย่างที่บอกไปว่า พื้นที่บางรักมีบริษัทห้างร้านจำนวนมาก ไหนจะเรื่องการค้าเพชร-พลอย ของมีมูลค่าต่างๆ ซึ่งอะไรที่เป็นหน้างานสืบสวน ได้กำชับสายสืบให้ลงพื้นที่สะสางไขปมให้หลุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้มากที่สุด ร้านเพชรซ่อนตัวบนตึกเป็นร้อยเจ้า มีร้านเยอะ หลักร้อย แต่ว่าดูด้วยตา ก็แทบจะไม่มีเลย แต่ไปสัมผัสจริงๆ คือไปทานข้าวกับสมาคมพ่อค้าเพชรชาวอินเดีย ก็ขอรายละเอียดเขา ก็รู้ว่าอยู่บนตึก อยู่ตรงโน้นตรงนี้ ก็ไปพูดคุยก็อยู่ตามซอกซอย ก็มีเยอะเป็นร้อยเจ้า เป็นร้อยบริษัท บางทีเขาใช้ตึกหนึ่ง แต่จดทะเบียนหลายบริษัท

"พี่จะเน้นงานสอบสวน เพราะว่าจุดแตกหักโรงพักคือจุดรับแจ้งเหตุ เหมือนห้องอีอาร์ ประชาชนมา ก็เหมือนได้รับความเดือดร้อนมาก็เหมือนมาต้องเจอหมอ เจอบุรุษพยาบาล เจอนางพยาบาล พี่ก็จะเทกำลังให้งานสอบสวนเต็มก่อน อย่างผู้ช่วยพนักงานสอบสวน กับประจำวัน พี่จะมีข้อตกลงคุยกันก่อนเลยว่า ถ้าใครอาสาสมัครมาอยู่ตรงนี้ ก็ไม่ต้องไป งานควบคุมฝูงชน ปัจจุบันพนักงานสอบสวนก็มีค่อนข้างพอใช้ ขับเคลื่อนงานได้คล่องตัวดี" 

...

ถึงแม้ว่าหลายโรงพักจะมีปัญหาเรื่องผู้ช่วยพนักงานสอบสวนกับหน้าที่ประจำวัน ขาดแคลน เพราะว่า ณ จุดนี้ คนที่มาเป็นตำรวจอยากจะออกไปบู๊ ไปสืบจับมากกว่า แต่เมื่อได้พูดคุยและโน้มน้าวว่าจริงๆ จุดแตกหักของโรงพักของตำรวจ มันอยู่ตรงนี้ ถ้าเราสามารถบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ที่สถานีได้ ก็ถือว่าได้ช่วยคนแล้ว 

ทำงานเป็นทีม มีเพื่อนร่วมรุ่นและรุ่นพี่ที่คุ้นเคย ช่วยแบ่งเบาแต่ละส่วน 

...

งานจะสำเร็จลุล่วงไปได้ดี เพราะมีทีมงานคุณภาพ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกคนล้วนแล้วมีบทบาทหน้างานที่ชัดเจน ร่วมกันแก้ไขขับเคลื่อนจนพื้นที่มีการพัฒนาจนปรากฏผลในด้านดีขึ้น และการได้เพื่อนร่วมรุ่นที่รู้มือกัน ขยันขันแข็ง อีกทั้งรุ่นพี่ที่เคยร่วมงานด้วยกันมาก่อนหน้านี้ มันทำให้หลายๆ อย่างสะดวกคล่องตัวขึ้น และบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น

"พี่มีเพื่อนร่วมรุ่น นรต.55 รวม 4 คน ก็ทำงานสบายหน่อย เช่น พ.ต.ท.พงศ์นรินทร์ เหล่าเขตกิจ รองผกก.สส., พ.ต.ท.ศุภชัย หาญคำหล้า รอง ผกก.(สอบสวน) แล้วก็ เพื่อน อีก 2 คน พ.ต.ท.ประสบ สีบัวรินทร์ เป็น สวป. ส่วน พ.ต.ท.พรชัย ศรีมูล เป็นสารวัตรสอบสวน  รวมพี่ด้วยก็เป็น 5 คน นอกจากนี้ ก็มี "พี่เดียร์ นรต.52 เป็นรองผู้กำกับปราบปราม แล้วก็ รอง ผกก.จร. คนนี้ เป็นรุ่นพี่ นบ.ที่เคยร่วมงานกันมานิสัยดีขยันมากครับ สนิทสนมกัน เคยทำงานร่วมกัน รู้ฝีมือกันอยู่แล้ว หลายๆ งานมันเลยไม่สะดุด" 

ยอมรับกำลังสายตรวจน้อย ปรับจราจรร่วมเป็นสายตรวจ

สำหรับงานในพื้นที่ สน.บางรัก เป็นพื้นที่เล็ก ถนนก็เป็นวันเวย์ มีถนนสายหลัก 3 สาย สายรอง 6 สาย การควบคุมอาชญากรรมค่อนข้างง่าย เพราะพี่โตมาจากงานป้องกันปราบปราม เวลามองก็จะมองการวางกำลัง การป้องกัน จะดูรู้ว่าจะวางกำลังตรงไหน แต่ติดอยู่อย่างเดียว กำลังสายตรวจที่นี่ค่อนข้างจะน้อย  

"ต่างกับตอนที่อยู่ลุมพินี ตอนนั้นมีสายตรวจ 6 สาย กำลังเต็มตลอด ที่นี่เหลือ 4 สาย แต่ว่ากำลังมีเหลือแค่ 2 สาย ก็แค่ 4 คน แล้วก็มี คฝ.อะไรพวกนี้อีก ทำให้กำลังเหลือน้อย ก็เลยต้องปรับเอาจราจรมาช่วย โดยคุยกับจราจรว่าช่วงที่สายตรวจไป คฝ.จราจร จะต้องมาสแตนด์บายระงับเหตุ แล้วมาอยู่ตามจุดที่ร้องขอไว้ ก็ช่วยได้เยอะ"

7 เดือนบนเก้าอี้ พื้นที่บางรัก เร่งพัฒนาให้ดีขึ้นในทุกมิติ 

นอกจากจะจัดระเบียบการทำงานของนายตำรวจในโรงพักแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ สภาพแวดล้อมในโรงพัก ต้องน่าอยู่ เป็นระเบียบเรียบร้อย เจริญหูเจริญตา และสะอาดสะอ้าน ขณะนี้ได้ตกแต่งต่อเติมห้องประชุมให้ทันสมัยสอดรับกับยุค 4.0 แต่ในส่วนของหน้าโรงพัก อยากให้คงสภาพสวยงามเอาไว้แบบเดิม ซึ่งมันก็ดีมากอยู่แล้ว 

"อนาคตข้างหน้า พี่มีโครงการจะทำห้องสายตรวจใหม่ กับรองผู้กำกับปราบปราม ก็หวังผลักดันให้มันเกิดขึ้นมาเร็วที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นประโยชน์กับการปฏิบัติงานของตำรวจทุกนายในยุคนี้แล้ว ยังถือเป็นมรดกตกทอดต่อๆ กันไปให้น้องๆ ตำรวจรุ่นใหม่ได้ใช้งาน ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งที่พี่ และทุกๆ คนได้ทำเพื่อส่วนรวม ไม่เฉพาะที่ สน.ลุมพินี หรือ สน.บางรัก นะ เพราะพี่มีความตั้งใจจะพัฒนาทุกๆ พื้นที่ที่เราได้ไปรับตำแหน่งอยู่แล้ว" 

ในฐานะ "หลานเขยบิ๊กป้อม" ยิ่งถูกจับตามอง ยิ่งต้องใช้ฝีมือพิสูจน์ให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป 

การที่ครอบครัวของภรรยา เป็นที่นับหน้าถือตาของคนจำนวนมากในสังคมไทย พี่ยิ่งต้องทำงานให้ดีกว่าคนอื่นหลายเท่า ต้องขยัน ต้องทุ่มเท เพื่อไม่ให้ถูกใครว่าร้ายหรือพูดพาดพิงไปในทางไม่ดี หรือให้ทางครอบครัวภรรยาต้องเสียหาย งานในหน้าที่ตำรวจเป็นงานที่ใจรักอยู่แล้ว ความเดือดร้อนของประชาชน มีเพียงตำรวจที่จะเข้าไปบำบัดทุกข์ ตำรวจคือตำรวจ พี่ต้องพิสูจน์ให้ทุกคนมั่นใจว่า "พี่เป็นตำรวจโดยอาชีพ ไม่ได้เป็นเพราะมีเส้นสาย" ดังนั้นการประกอบอาชีพรับราชการตำรวจของพี่ ตั้งแต่เริ่มเรียนจบจากโรงเรียนนายร้อยมาจนวันนี้ ขอให้รู้ไว้เลยว่า ทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ทำเพื่อประชาชน

"ส่วนตัวพี่ ต่อให้ไม่ใช่ลูกเขยของท่านอดีต ผบ.ตร. ไม่ใช่หลานเขยของท่านประวิตรวงษ์สุวรรณ พี่ก็ต้องทำงานเป็นตำรวจเหมือนเดิม ดูแลประชาชนอย่างเท่าเทียม ยิ่งทุกวันนี้พี่ถูกจับตามอง พี่จึงต้องทำให้ดีกว่าใครๆ ไม่ให้สะดุดหรือมีข้อเสีย เหนื่อยหน่อยแต่มันคือความภาคภูมิใจ ชะตาลิขิตไว้หมดแล้ว" 

และเส้นทางรับราชการที่ผ่านมา สำหรับ พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผกก.สน.บางรัก ที่สื่อมวลชนพากันให้ฉายา 'ราชบุตรเขย' เพราะนอกจากจะเป็น ลูกเขยอดีตบิ๊กตำรวจคนดัง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ แถมยังเป็นหลานเขยคนขยันของ "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส นักเรียนเตรียมทหาร รุ่น 39 นักเรียนนายร้อย รุ่น 55 ตำรวจหนุ่มมาดนุ่ม เก็บเนื้อเก็บตัวทำงานอยู่เบื้องหลัง ถือเป็นนายตำรวจยุค 4.0 นักพัฒนาหน่วยงานตัวยง สำหรับประวัติรับราชการ จากเคยเป็น รองสารวัตร สภ.อ.ตากใบ จังหวัดนราธิวาส, นว.สบ1 ท่านเฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน, รอง สว.สส.สน.พหลโยธิน, สว.สายตรวจ 2 191, สว.สส.สน.สุทธิสาร ครบวาระขึ้น รอง ผกก.สส.สน.ลุมพินี ก่อนจะย้ายมานั่งเก้าอี้ รองผู้กำกับปราบปราม สน.ลุมพินี

กระทั่งคำสั่งวาระแต่งตั้ง 2561 ขึ้นตำแหน่ง "ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางรัก" ได้รับความไว้วางใจให้เข้ามาพัฒนาพื้นที่ทำเลทอง เกรด A ของกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 ไม่ว่าจะด้วยแรงหนุนจากคนในครอบครัว หรือผลลัพธ์จากเนื้องานที่ผ่านมา เชื่อว่าผลงานรับราชการตำรวจกว่าครึ่งชีวิตที่ผ่านมา ของ พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ได้พิสูจน์ความสามารถ ปรากฏชัดเจนสู่สายตาประชาชนไปแล้ว