ดร.สุเมธ ปาฐกถา ได้ร่วมติดตามเสด็จรัชกาลที่ 9 ตลอด 35 ปี เห็นทรงงานอย่างหนักทุกวัน เผยความฝัน เห็นพระพักตร์ชื่นบาน ฉลองพระองค์เสื้อคลุมเบลเซอร์สีขาว ให้จัดทริปไปยอดเขาคิลิมันจาโร...
เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ปาฐกถาเทิดพระเกียรติในหัวข้อ “ศิระกรานพระภูบาลนวมินทร์” เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ครบรอบ 2 ปี ณ ห้องประชุมใหญ่ อาคารศรีสวรินทิรา โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ โดยกล่าว ตอนหนึ่งว่า 70 ปีที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงงาน พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่ต่างจังหวัด ปีละ 8 เดือน เพื่อทรงงานให้พสกนิกร โดยตนเองร่วมติดตามเสด็จมาตลอด 35 ปี จัดกระเป๋าติดตามไปด้วยทุกหนแห่ง ซึ่งยอมรับว่าทุกวันที่ติดตามพระองค์ไปทรงงาน ถือเป็นวันเหนื่อยยากที่สุด พระองค์ใช้เวลาทรงงานตั้งแต่ช่วงเช้าจนย่ำค่ำ ดึกดื่น เห็นว่าพระองค์ทรงงานอย่างหนักทุกวัน ทรงเป็นห่วงผู้อื่นเสมอ ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้
“เคยถามว่าทำไมต้องทำ พระองค์ตรัสว่า เพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้ ทั้งฟื้นฟูป่าที่เสื่อมโทรม บริหารน้ำ ดิน ชีวิต และสอนคุณธรรม เพื่อให้แผ่นดินผืนนี้มีความสุขและเพื่อประโยชน์สุขของมวลชนชาวไทย อีกทั้งทรงมีพระราชอารมณ์ขันและทรงเป็นนักประชาธิปไตย เพราะทรงรับฟังความคิดเห็นและคำแนะนำจากทุกคน ในช่วงที่พระองค์ทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ทรงมีพระราชประสงค์เสด็จพระราชดำเนินไปศึกษาดูงานที่ต่างประเทศหลายครั้ง แต่เนื่องจากทรงมีพระราชกรณียกิจในประเทศที่ต้องช่วยเหลือพสกนิกรคนไทยจำนวนมาก จึงทำให้ไม่มีโอกาสเสด็จพระราชดำเนินตามพระราชประสงค์”
นอกจากนี้ จำได้ว่าขณะบรรยายครั้งที่แล้ว น้ำตารินไหลค่อนห้อง จนวันนี้น้ำตาแห้งแล้ว ลองถามตัวเองว่าทุกวันนี้เราทำอะไรเพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบ้าง หากไม่มีคำตอบเท่ากับเราบกพร่องต่อหน้าที่ และอาจทำให้อนาคตยุ่งยาก โดยตั้งแต่พระองค์เสด็จสวรรคต ได้ฝันถึงพระองค์ราว 2-3 ครั้ง โดยเมื่อคืนวาน อยากให้ทุกคนเห็นภาพความฝันของตนเอง พระองค์มีพระพักตร์ชื่นบานมาก แจ่มใส ฉลองพระองค์เสื้อคลุมเบลเซอร์สีขาว ข้างในเป็นแถบสีสตริปลาย แปลกมากเพราะไม่เคยเห็นพระองค์ทรงสวมใส่มาก่อน
...

พร้อมบอกให้ช่วยจัดทริปไปยอดเขาคิลิมันจาโร เพราะอยากไปเหลือเกิน จึงฉุกคิดได้ว่า ขณะครองราชย์ในฐานะพระมหากษัตริย์นั้น มีพระประสงค์ อยากเสด็จพระราชดำเนินไปต่างประเทศหลายแห่ง แต่พระองค์ไม่อาจละทิ้งงานที่ทรงอยู่ได้ อยากฝากถึงประชาชนให้คิดด้วยว่า พระองค์ทรงเป็นจอมทัพ แต่ไม่ใช่จอมทัพของการสู้รบ แต่เป็นจอมทัพของการพัฒนา
“วันนี้จอมทัพไม่อยู่แล้ว แต่ได้พระราชทานแนวทางและคำสอนต่างๆ ไว้ให้คนในกองทัพ จึงอยู่ที่ว่าคนในกองทัพจะสานต่อสิ่งเหล่านี้ให้ดีได้อย่างไร” ดร.สุเมธ กล่าว.