ถามถึงเรือนจำ ทุกคนคงนึกถึงห้องขังแออัด บรรยากาศที่อึดอัด ห้องน้ำสกปรก อาหารที่ไม่น่าทานได้ ความโหดร้ายของผู้คุมเรือนจำที่ใช้กำลังกับนักโทษอย่างทารุณ พอเห็นจดหมายของผู้ต้องขังคนหนึ่งที่เขียนมา ทำให้มุมมองของเรือนจำเปลี่ยนแปลงไป และเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ และไม่คิดว่านักโทษจะได้รับการดูแลอย่างดี
จดหมายอดีตผู้ต้องขังเขียนมาว่า เป็นผู้ต้องหาคดีที่ถูกแจ้งข้อหาในคดีหนึ่ง แล้วต้องถูกนำตัวไปขังไว้ระหว่างรอประกันตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ตอนแรกผู้ต้องขังคิดว่าการที่ได้เข้ามาอยู่ในเรือนจำ จะอยู่ได้อย่างไร และจะกินอาหารในเรือนจำได้หรือไม่
ชีวิตนักโทษคงเครียดน่าดู
แต่พอถูกส่งตัวเข้าไปอยู่ก็พบว่า เรือนจำเปลี่ยนแปลงไปมาก
มีการจัดการเป็นระบบ สะอาด
ไม่รู้สึกรังเกียจทั้งโรงครัวโรงเลี้ยง ห้องน้ำ ห้องส้วม และห้องคุมขัง ที่ชอบมาก สถานที่ในเรือนจำมีการจัดมุมสันทนาการ มีห้องออกกำลังกาย ห้องสมุด ทำให้บรรยากาศไม่เครียด
ผู้คุมดูแลผู้ต้องขังแบบเป็นกันเอง ให้เกียรติซึ่งกันและกันตามหลักมนุษยธรรม
ผู้บัญชาการเรือนจำ และผู้คุมทุกท่านยังให้คำแนะนำที่ดีในรูปคดี
หากเห็นว่านักโทษไม่ได้รับความเป็นธรรม
ตอนนี้ผู้เขียนได้รับการประกันตัวออกมาเพื่อต่อสู้คดีตามกระบวนการกฎหมายแล้ว
อยากจะเขียนมาขอบคุณ พ.ต.อ.ดร.ณรัตช์ เศวตนันท์ อธิบดี กรมราชทัณฑ์ ที่กำหนดนโยบาย เปลี่ยนแปลงรูปแบบ ระบบของเรือนจำ ให้ดูดี สะอาด เป็นระบบ
เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนในทุกเรื่อง
ทำให้นักโทษไม่เครียด สามารถอยู่ข้างในร่วมกับคนอื่นได้ เพราะไม่เคยถูกจับกุม
แล้วต้องเข้าไปใช้ชีวิตในเรือนจำ จึงเป็นธรรมดาที่ต้องกลัวที่จะเข้าไปอยู่
แต่พอเข้าไปสัมผัสจริงๆ จึงทำให้มุมมองเกี่ยวกับเรือนจำเปลี่ยนแปลงไป
...
เป็นไปตามนโยบาย คสช.ที่ให้ผู้คุมขังได้รับการดูแลที่ดี
เมื่อออกมาจากเรือนจำแล้ว จะได้กลับตัวเป็นพลเมืองดี คืน “คนดีสู่สังคม”
เป็นสิ่งที่ผู้เขียนได้ไปสัมผัสแล้ว เชื่อว่าเกิดขึ้นได้จริงในเรือนจำ
จึงอยากจะชมเชย และขอบคุณ อธิบดีกรมราชทัณฑ์
ที่ทำให้เรือนจำดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา.
“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th