“บิ๊กโจ๊ก” สั่งย้าย “ผกก.2 บก. ตม.1” พร้อมรอง สว.หญิง รวม 2 นายขาดจากตำแหน่งเดิม ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังพบพิรุธหลักฐานขออยู่ต่อพร้อมสถานะการเงินปลอม ข้อมูลการสืบสวนพบว่าทำเป็นขบวนการร่วมกับนายหน้าหญิงไทยอีกคน ทำหลักฐานอนุญาตให้ชาวไนจีเรียอยู่ต่อในประเทศไทยแบบผิดหลักเกณฑ์ คาดโทษพบใครเอี่ยวให้ดำเนินการทางวินัยและอาญาเด็ดขาด พร้อมแถลงจับต่างด้าวอยู่ในประเทศผิดกฎหมาย 59 คน ประกาศให้ ตม.ทั่วประเทศกวดขันจับกุม เพื่อไม่ให้มาแย่งงานคนไทยทำ

“บิ๊กโจ๊ก” ลุยจับต่างด้าว และสั่งย้าย “ผกก.” ขออยู่ต่อ พร้อมรอง สว.เพราะส่อทุจริต เปิดเผย ขึ้นที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 4 ต.ค. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. ตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) แถลงผลการ กวาดล้างจับกุมบุคคลต่างด้าวลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต และหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย 59 คน

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า สืบเนื่องจากรัฐบาลกำชับให้ระดมกวาดล้างจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง 2522 และ พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว 2560 (แก้ไขเพิ่มเติม 2561) และชาวต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจหลีกเลี่ยงกฎหมายโดยใช้นอมินีหรือตัวแทนอำพราง บก.สส.สตม.ร่วมกับ บก.ตม.1 ดำเนินการ กวาดล้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายในพื้นที่ห้วยขวาง ซอยนานา และถนนข้าวสาร มีผลปฏิบัติการจับกุม นายจ้างและแรงงานต่างด้าวที่กระทำความผิด 59 คน ประกอบด้วยชาวไทย จีน เมียนมา เนปาล ปากีสถาน บังกลาเทศ อียิปต์ ปาเลสไตน์ ซีเรีย และไนจีเรีย ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน

...

“เบื้องต้นแจ้งความผิดข้อหาทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน 7 คนเป็นคนจีน 3 คน เมียนมา 2 คน ไนจีเรีย 1 คนและบุคคลไร้สัญชาติ 1 คน ทำงานนอกเหนือจากสิทธิ 22 คนเป็นชาวเมียนมา เข้ามาในราชอาณาจักรและทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต 7 คนเป็นเมียนมา ไม่แจ้งที่พัก 90 วัน 3 คน เป็นชาวซีเรีย 1 คน เมียนมา 2 คน นายจ้างรับคนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตทำงาน 3 คน เป็นคนไทย 2 คน บังกลาเทศ 1 คน เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต 9 คน เป็นชาวเมียนมา 2 คน ไร้สัญชาติ 1 คน อียิปต์ 1 คน ปาเลสไตน์ 1 คน บังกลาเทศ 3 คนและปากีสถาน 1 คน ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานออกนอกเขตพื้นที่ 2 คน เป็นคนจีนและคนไร้สัญชาติขัดคำสั่งเจ้าพนักงานออกนอกเขตพื้นที่และทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต 3 คนเป็นคนไร้สัญชาติ ไม่แจ้งที่พัก 90 วัน ทำงานนอกเหนือสิทธิ และ ไม่แจ้งนายทะเบียนเกี่ยวกับการทำงานภายใน 15 วัน นับแต่วันทำงาน 1 คนเป็นคนจีน ให้คนต่างด้าวทำงานนอกเหนือสิทธิและไม่แจ้งคนต่างด้าวเข้าทำงาน 2 คนเป็นนายจ้างชาวไทย” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าว

รรท.ผบช.สตม.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ เริ่มเอกซเรย์พื้นที่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ดำเนินการสืบสวน ปราบปรามจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย และชาวต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจที่หลีกเลี่ยงกฎหมายโดยใช้นอมินีหรือตัวแทนอำพรางอย่างจริงจังต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้มาแย่งอาชีพคนไทย สำหรับคนต่างด้าวที่กระทำผิดดังกล่าวจะดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และผลักดันกลับประเทศต่อไป นอกจากนี้ ยังดำเนินคดีกับคนไทยที่ว่าจ้างบุคคลต่างด้าวมาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช. สตม. มีคำสั่งตม.ที่ 180/2561 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ต.อ.กันตวัฒน์ พงศ์สถาบดี ผกก.2บก.ตม.1 และ ร.ต.อ.หญิงมนัญญา เกตุแก้ว รอง สว.กก.2 บก.ตม.1 กรณีเป็นที่สงสัยว่ากระทำผิดวินัย จากการตรวจสอบการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายโทนี เอเมกา อิเบกเว สัญชาติไนจีเรีย ระบุว่าอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 49/2 ซอยพหลโยธิน 54/1 แขวงคลองถนน เขตสายไหม แต่ปรากฏว่าบ้านเลขที่ ดังกล่าวถูกเวนคืนที่ดินไปแล้ว และกรณีนายชิเมซี เจมส์ อูโซมา นายชูควูเนดู อาโนรูโอ และนายอิสราเอล อานาโยชูควู เอ็นโนรอม ยื่นคำร้องขออยู่ต่อระบุว่า อาศัยอยู่เลขที่ 97 ซอยโรงเรียนบพิธวิทยา แขวงบางจาก เขตพระโขนง แต่นายวันชัย รอดแก้ว เจ้าของบ้านยืนยันว่า ไม่เคยพบบุคคลดังกล่าวและไม่ได้เปิดบ้านให้เช่า

และกรณีของนายเอ็นดูบุยซี ลาซารัส อิกโบ–อานูโก มี น.ส.สิริกร เพ็งพินิจ ภรรยาชาวไทยของคนต่างด้าวให้การว่า เมื่อมายื่นขออยู่ต่อในราชอาณาจักรไทยแล้วไม่ได้ติดต่อและอยู่กินฉันสามีภรรยากับคนต่างด้าว กรณีนายอรินเซ อิซูชูควู อูเดอักบาลา นายเบเนดิกต์ โอโกชูควู อาโซกวู นายฟรายเดย์ เอเคเน โอเชียกา นายแดเนียล โอเนีย–ดิกาจิ โอเคียดิกาจิ โอกอนโกว นายสแตนลีย์ อูกึนนา อูวันดู นายโจนาธาน ชูกวูมูอันยา เอเซียจู และนายโจเซฟ แพทริก ยื่นคำร้องขออยู่ต่อในราช–อาณาจักรไทย โดยระบุหมายเลขโทรศัพท์เดียวกัน และกรณีนายชิเมซี เจมส์ อูโซมา นายเอเฟ โอโบเด และนายดิกสัน นาฮุม เอ็นนาจิ แสดงสำเนาบัญชีเงินฝากธนาคารที่ใช้ยื่นประกอบคำร้องขออยู่ต่อในราชอาณาจักรไทย มีการโอนเงิน 4 แสนบาท เข้ามาในวันยื่นขออยู่ต่อ เพื่อให้ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์และมีการโอนเงินออกภายในวันเดียวกัน

...

คำสั่งระบุว่า ขั้นตอนการรับคำร้องให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยมีความผิดปกติ ใช้ที่พักอาศัยยื่นประกอบคำร้องเป็นบ้านเลขที่เดียวกัน หมายเลขโทรศัพท์เดียวกันหลายราย และมีความเคลื่อนไหวของบัญชีเงินฝากที่ใช้ยื่นประกอบคำร้องผิดปกติ มี ร.ต.อ.หญิงมนัญญาเป็นเจ้าหน้าที่รับคำร้องเสนอตรงไปที่ พ.ต.อ.กันตวัฒน์ เพื่อลงนามให้อยู่ในราช–อาณาจักรไทย จากพฤติการณ์เข้าข่ายให้การช่วยเหลือบุคคลต่างด้าวให้อยู่ในราชอาณาจักรไทย จึงแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงมี พ.ต.อ.พิษณุ พราหมณ์เทศ รอง ผบก.บก.อก.ตม.เป็นหัวหน้าคณะ ถ้าคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนเห็นว่า กรณีมีมูลความผิดวินัยเรื่องอื่นนอกจากระบุในคำสั่ง หรือกรณีสืบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่นและคณะกรรมการสืบสวนพิจารณาเบื้องต้นแล้วเห็นว่า ข้าราชการตำรวจผู้นั้นมีส่วนร่วมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องการกระทำผิดในเรื่องที่สืบสวนอยู่ด้วย ให้ประธานกรรมการรายงานมาโดยเร็ว

วันเดียวกัน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ มีคำสั่ง ตม.ที่ 182/2561 ให้ พ.ต.อ.กันตวัฒน์ พงศ์สถาบดี ผกก.2 บก.ตม.1 และ ร.ต.อ.หญิงมนัญญา เกตุแก้ว รอง สว.กก. 2 บก.ตม. 1 มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.สตม.โดยขาดจากต้นสังกัด เพื่อให้การสืบสวนข้อเท็จจริงเกิดความเป็นธรรม กรณีมีพฤติการณ์เป็นที่สงสัยว่า จะช่วยเหลือบุคคลต่างด้าวสัญชาติไนจีเรียให้อยู่ในราชอาณาจักรไทย

...

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์เผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ทุกองค์กรย่อมมีทั้งน้ำดีและน้ำไม่ดี ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ตนมีคำสั่งให้ 2 นายตำรวจไปช่วยราชการ เนื่องจากอาจมีส่วนรู้เห็นกับ น.ส.ยุพิน จันต๊ะคาด อายุ 55 ปี นายหน้าปลอมเอกสารให้ชาวต่างชาติใช้ขออยู่ต่อลักษณะเป็นขบวนการ บิดเบือนข้อเท็จจริงด้วยการใช้เงินต่างๆ ตามหลักเกณฑ์ว่าจะต้องมีเงิน 400,000 บาทอยู่ในบัญชี แต่ความหมายของการเข้าประเทศต้องการให้คนที่มีคุณภาพเข้ามาในประเทศ ไม่ใช่หมายความว่าเข้ามาแล้วหายตัวไป

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์เผยต่อว่า ส่วนรายละเอียดให้คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงดำเนินการ จากที่ตนสั่งให้ไปช่วยราชการ แสดงว่าเรามีมูลหลักฐาน ทั้งนี้ ไม่ทราบว่าทำมานานแค่ไหนแล้วจึงต้องตรวจสอบ พบว่าเงินที่โอนเข้ามา 400,000 บาท มีการโอนเข้าช่วงเช้าแต่ช่วงบ่ายถอนออกเป็นลักษณะเงินเวียน เพื่อแสดงให้เห็นว่าชาวต่างชาติมีหลักเกณฑ์เข้ากับการขออยู่ต่อ ขณะนี้กำลังขยายผลว่าตำรวจทั้ง 2 นายและ น.ส.ยุพินร่วมมือกันมานานแล้วหรือไม่ หากผลสอบสวนมีหลักฐานแน่ชัดจะเอาผิดทั้งทางวินัยและอาญาร้ายแรง หากพบว่ามีตำรวจนายอื่นเข้าไปมีส่วนพัวพันในเชิงทุจริตจะดำเนินการเช่นเดียวกัน

ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. เดินทางไปที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ตรวจตามจุดบริการนักท่องเที่ยวต่างๆภายในสนามบิน เพื่อยกระดับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว และยังกวดขันให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประจำท่าอากาศยาน ด่าน ตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ ห้ามเรียกรับผลประโยชน์ในลักษณะต่างๆ และให้ติดป้าย “No Tips” เพื่อประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวรับทราบว่า สตม.ไม่มีนโยบายเรียกเก็บเงินส่วนต่างเกินจากค่าธรรมเนียม