ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีมากๆ เมื่อทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดโอกาสให้นายตำรวจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ขึ้นนั่งเก้าอี้คุมหน่วยงานหลักในเมืองหลวง อย่าง "กองบังคับการตำรวจจราจร" หรือ บก.02 และ "กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ" หรือ ตำรวจสายตรวจ 191 ดูแลรับผิดชอบหน้างานสำคัญครอบคลุมพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร
สำหรับคำสั่งแต่งตั้งนายตำรวจระดับผู้บังคับการครั้งที่ผ่านมา พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ได้ขยับขึ้นมาเป็น "ผู้บังคับการตำรวจจราจร" (บก.จร.1) ในขณะที่ พ.ต.อ.สำราญ นวลมา รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ก็ได้ขยับขึ้นมาเป็น ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (สายตรวจ 191) ซึ่งตำรวจทั้ง 2 นาย จ่อติดยศ "พล.ต.ต." พร้อมโชว์ศักยภาพขีดความสามารถ ในการแก้ไข พัฒนาเมืองหลวง ในหน้างานที่แตกต่างกันออกไป
- พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ -
ว่าที่ ผู้บังคับการตำรวจจราจร หรือ "รองปิ่น" กับโปรไฟล์ผลงานการจับกุมที่โดดเด่นด้านการกวาดล้างอาชญากรรมทั้งในและต่างประเทศ ภายใต้การนำทัพโดย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ว่าที่ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อนร่วมรุ่น นตท.31 และ นรต. 47 ขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาร่วมกันภายใต้หน่วยงาน "ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" รับผิดชอบ 13 หน้างานอาชญากรรมระดับประเทศ พร้อมดูแลรับผิดชอบงานจับกุมคดีสำคัญในหน่วยงาน "กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ" ควบคู่กันไป
พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ บุตรชายของ พลตรี อมรรัตน์ จินตกานนท์ และนางหรรษา จินตกานนท์ หลานชาย พลโทอัมพร จินตกานนท์ รองปิ่น เป็นชาวกรุงเทพมหานคร จบมัธยม ร.ร.ราชวินิตมัธยม รุ่น 8 ร.ร.เตรียมทหาร รุ่น 31 นักเรียนนายร้อยรุ่น 47 จบปริญญาโท สาขา MA.management ที่ประเทศอังกฤษ จบหลักสูตรเจ้าหน้าที่อำพราง จากประเทศอังกฤษ แคนาดา อเมริกา และหลักสูตรการสกัดการลำเลียงยาเสพติด และการ Control Delivery แบบถูกกฎหมาย หลักสูตรสืบสวนสะกดรอยสวิตเซอร์แลนด์ และเยอรมนี
...
- เส้นทางรับราชการ -
รอง สว.แผนกแผนและปฏิบัติ บก.อก.บช.ก., ผู้ช่วยนายเวร ผบช.สกบ.(พล.ต.ท.สมชาย วาณิชเสนี ยศขณะนั้น) รอง สว.กก.สืบสวนและสอบสวน สตม., รอง สว.ด่านตม.สีชัง แล้วขึ้นสารวัตร งาน1กก.3บก.อก.สกบ.(คุมแผนงบลงทุนทั้งหมดของตร.), สารวัตร งาน2กก.บก.ปส.2 บช.ปส. (ในยุคของ พล.ต.ท.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เป็นผบช.ปส.)
ต่อมาเข้ารับตำแหน่ง สว.งาน4กก.2บก.ปส.1 เป็นหัวหน้าหน่วยปราบปรามยาเสพติดประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิคนแรก ตั้งแต่เปิดใช้ในปี 2548 มีผลการจับกุมการนำเข้า-ส่งออกโคเคน และเฮโรอีน ได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นจำนวนมากก่อนขยายผลเครือข่ายทั้งในและนอกประเทศจนทราบว่า กลุ่มผิวสีแถบประเทศแอฟริกาตะวันตก เป็นกลุ่มประเทศต้องเฝ้าระวังในการเข้า-อยู่ต่อ-ออก จากประเทศไทย จากนั้นได้ ขึ้นรอง ผกก.กลุ่มงานการข่าว ทำหน้าที่หัวหน้าศูนย์ข่าวใต้ที่หาดใหญ่ SKIC
ก่อนจะถูกดึงตัวมาช่วยงานยาเสพติดที่กองปราบปราม เป็นรอง ผกก.ฝ่ายปฏิบัติการ 10 (กทม.) เข้าอบรมหลักสูตร CyberCrime ของตำรวจสากล กระทั่งย้ายมาเป็น รอง ผกก.1บก.ปอท.TCSD ซึ่งเป็นหน่วยงานตั้งใหม่ภายใต้กองบัญชาการสอบสวนกลาง ร่วมสร้างและพัฒนาหน่วยจนมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในนามสัญลักษณ์ “จ่าฮูก” มีหลายโครงการที่เป็นที่รู้จัก เช่น โครงการสายตรวจอินเทอร์เน็ต ต่อมา ขึ้นเป็น ผกก.กลุ่มงานสนับสนุน บก.ปอท., ขยับขึ้นเป็น รอง ผบก.ท่องเที่ยว ย้ายระนาบเดียวกัน ไปเป็น รอง ผบก.สปพ.โดยมี พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็น ผบก.สปพ.หรือ 191
...
ตำแหน่งล่าสุด ได้ขยับขึ้นมาเป็น "ผู้บังคับการตำรวจจราจร" (บก.จร.1) ทั้งนี้กองบังคับการตำรวจจราจร ทำหน้าที่ประหนึ่งดูภาพรวมของการจราจรบนท้องถนนผ่านทางโปรแกรม โดยจะแจ้งข่าวสารข้อมูลอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ได้ทราบถึงความเคลื่อนไหว ความคล่องตัวของถนนสายต่างๆ ในกรุงเทพฯ รวมไปถึงแจ้งอุบัติเหตุ ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ผู้ป่วยที่ต้องการใช้เส้นทางไปยังโรงพยาบาลอย่างทันท่วงที นอกจากนี้ยังต้องบังคับใช้กฎหมายควบคุมการจราจร ผู้ใช้รถใช้ถนนที่ทำผิดกฎจราจร บนถนนทุกสายในกรุงเทพมหานคร
- พ.ต.อ.สำราญ นวลมา -
ว่าที่ ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ข้อมูลส่วนตัวระบุไว้ว่า พ.ต.อ.สำราญ นวลมา เป็นคนมีพื้นฐานนิสัยเรียบร้อยอ่อนน้อมถ่อมตน ในอดีตเคยเป็น "เด็กวัด" คอยเดินตามพระวัดโตนดหลวง จ.เพชรบุรี อาศัยกินข้าวก้นบาตรพระทุกวัน จึงปลูกฝังนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตนจนได้ดิบได้ดี ก่อนตัดสินใจสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 34 จบนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 50 ด้วยบุคลิกเรียบง่าย และไม่ค่อยจะชอบให้สัมภาษณ์ออกสื่อมากนัก แต่ฝีไม้ลายมือการทำงาน เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงตำรวจ นอกจากนี้ยังจบหลักสูตรชั้นนำมากมายทั้งในและต่างประเทศ
เส้นทางการรับราชการ
บรรจุเป็นพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง 3 ปี ได้รับรางวัลพนักงานสอบสวนดีเด่น จาก พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์ ผบช.น. (ขณะนั้น) จากนั้นก็ย้ายไปอยู่ทะเบียนพล คอยติดตาม "พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์" ผบ.ตร.(ขณะนั้น) จนกระทั่งมาดำรงตำแหน่ง สว.กก.สตร. กระทั่งมีผลงานการจับยาเสพติดหลายประเภท หลายครั้ง จนได้รับโล่จากอดีตนายกรัฐมนตรีคนดัง รวมถึงคลี่คลายคดีอาชญากรรมสำคัญ อย่าง คดีปล้นรถแท็กซี่ ในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ พอได้รับแจ้งข่าวสกัดจับคนร้าย พี่ราญวางแผน "ก้าวสกัด" กับลูกน้อง ปิดช่องทางหนีของคนร้ายแบบชนิดที่เรียกว่าดิ้นไปเส้นทางไหนก็ไม่รอด จนกระทั่งได้รับรางวัลสุดยอดตำรวจ
...
ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ที่ผ่านมา ประกอบไปด้วย สารวัตรงานสายตรวจ 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ, สารวัตรป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจนครบาลบางนา, รองผู้กำกับการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, รองผู้กำกับการสืบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล, รองผู้กำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ, ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง, ผู้กำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ, รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ และยังเป็นนายตำรวจราชสำนักเวร อีกด้วย
ผลงานจับกุมที่ผ่านมา
ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกรูปแบบตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นการระดมปิดล้อมชุมชนเพื่อกวาดล้างยาเสพติด การลักลอบจำหน่ายยาเสพติดโดยส่งทางไปรษณีย์และบริษัทขนส่งเอกชน, การปราบปรามการปล่อยเงินกู้นอกระบบ, การปราบปรามการค้ามนุษย์ และการจับกุมหมายจับค้างเก่า คดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ และคดีที่เป็นที่สนใจของประชาชน ฯลฯ และคดีดังระดับประเทศอีกมากมาย
...
ตำแหน่งล่าสุด ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หน้าที่หลักของงานสายตรวจ 191 คือ การถวายอารักขาและถวายความปลอดภัยแด่องค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ และเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม โดยจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถยนต์ออกตรวจตรา ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดจับ เน้นการควบคุมอาชญากรรมให้ได้มากที่สุด และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างตำรวจกับประชาชน รวมทั้งเป็นหน่วยสนับสนุนการปฏิบัติงานของตำรวจท้องที่ ในการอำนวยความสะดวก และบริการประชาชนเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมได้รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ เป็นไปตามกรอบของบทบัญญัติทางกฎหมาย
**จากนี้ไปถือเป็นการพิสูจน์ฝีมือ เริ่มต้นนับ1 กับก้าวใหม่ของตำแหน่งสำคัญในกรุงเทพมหานคร อย่างไรก็ตาม ก่อนจะมุ่งสู่การพัฒนา เชื่อว่ายังมีอีกหลายๆจุดที่ทั้ง 2 หน่วยงานต้องทำการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของคนในเมืองหลวง โดยจะวัดได้จากเสียงสะท้อนความพึงพอใจ สู่ความรู้สึกเชื่อมั่น ในความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ท่ามกลางความใส่ใจดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 หน่วยงาน