ถึงแม้จะสายเลือดเดียวกัน แต่เรื่องเงินๆ ทองๆ ก็เหมือนจะปรองดองกันยาก โดยเฉพาะตระกูลใหญ่ ที่อยู่กันเป็น "กงสี" เหมือนว่า แบ่งหน้าที่ดูแลเงินทองกันดิบดี ท้ายที่สุดก็มีปัญหาทะเลาะปมธุรกิจ ขัดแย้งด้านบริหารการเงิน ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ พาย้อนรอยเปิดเรื่องราวศึกชิงสมบัติของ 2 ตระกูลดัง ทายาทเจ้าของ ปลากระป๋อง ‘ปุ้มปุ้ย’ ที่พี่น้องในครอบครัวขัดผลประโยชน์ เป็นปฏิปักษ์แย่งกันดูแลกิจการ และศึกชิงมรดก ทายาทเจ้าของ "ซอสภูเขาทอง” ที่พี่น้องมีการจ้างวานฆ่ากันเองในครอบครัว สู่การสาบสูญไร้ร่องรอยของสมาชิกในบ้าน

เรื่องราวทั้งหมดล้วนแล้วเกิดจาก "ปม" ขัดแย้งผลประโยชน์ของคนในสายเลือดเดียวกัน พ่อ-แม่ เดียวกัน แต่แบ่งปันดูแลธุรกิจกันไม่ลงตัว ความแตกแยกแบ่งฝ่าย และเรื่องราวสะเทือนขวัญจึงเกิดขึ้นในครอบครัวของ "ธุรกิจที่มีชื่อเสียงใหญ่โตระดับประเทศ อย่าง ปลากระป๋อง ‘ปุ้มปุ้ย’ และ "ซอสภูเขาทอง”

ตระกูลโตทับเที่ยง เจ้าของ ปลากระป๋อง ‘ปุ้มปุ้ย’ คหบดีทางภาคใต้

ย้อนไปเมื่อเดือนตุลาคม 2558 ถือเป็นข่าวใหญ่ ‘ตระกูลโตทับเที่ยง’ คหบดีชื่อดังของ จ.ตรัง เมื่อ "นายสลิล โตทับเที่ยง" กรรมการบริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) หรือที่รู้จักกันดีในนาม ปลากระป๋อง ‘ปุ้มปุ้ย’ พร้อมกรรมการบริษัท และทีมทนายความ เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)  เมื่อ 7 ต.ค.58 เพื่อให้ตรวจสอบหาตัวผู้กระทำผิด กรณีมีการปลอมแปลงแก้ไขเอกสารบางส่วน คาดว่าจะเป็นการกระทำเพื่อต้องการยักยอกเงิน ของ บมจ. ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล สร้างความเสียหายมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ในช่วงเวลาที่นายสลิล ยังดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แต่ไม่เคยรับรู้และไม่เคยเห็นเอกสารดังกล่าวแต่อย่างใด

...

2พี่น้อง โตทับเที่ยง
2พี่น้อง โตทับเที่ยง

 "นายสุธรรม โตทับเที่ยง" พี่ใหญ่ของตระกูล ออกมาแถลงในฐานะตัวแทนพี่น้อง 9 คน สกุลโตทับเที่ยง ไม่ให้ นายสุรินทร์ โตทับเที่ยง ใช้นามสกุล "โตทับเที่ยง" อ้างว่ากระทำการที่เป็นปฏิปักษ์กับพี่น้อง โดย "นายสุรินทร์"  ได้ปลดพี่น้องในตระกูลทุกคนออกจากการเป็นกรรมการของ บริษัท กว้างโฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทกงสีของพี่น้อง ที่ถือหุ้นในบริษัท ผลิตภัณฑ์อาหาร กว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) หรือที่รู้จักกันดีในนาม  ‘ปุ้มปุ้ย’ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 21 มิ.ย.57

"นายสุรินทร์ โตทับเที่ยง"

ต่อมา "นายสุรินทร์ โตทับเที่ยง" ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล ปัจจุบัน ออกแถลงการณ์ระบุว่า ความขัดแย้งของพี่น้อง เป็นผลมาจาก  บมจ.ผลิตภัณฑ์กว้างไพศาล ไม่มีกำไรอย่างต่อเนื่องมานับสิบปี และอาจจะถูกเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2558 ซึ่งจะเป็นความเสียหายต่อผู้ถือหุ้นทั้งรายใหญ่ รายย่อย อีกทั้งฝ่ายบริหารชุดเดิมให้การสนับสนุนธุรกรรมกับบริษัทการค้าแห่งหนึ่งซึ่งจัดตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียนชำระแล้วเพียง 600,000 บาท นำธุรกรรมการค้าเงินสด บุคลากร และอุปกรณ์ รถยนต์ฝ่ายขายของปุ้มปุ้ยไปใช้ดำเนินการ สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดทางกฎหมายและก่อให้เกิดความเสียหาย คณะกรรมการบริษัทฯ เสียงส่วนใหญ่ มีมติให้หยุดธุรกรรมที่มีปัญหาและเปลี่ยนแปลงฝ่ายบริหารที่เกี่ยวข้อง ต้องรอดูผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง

จ้างวานฆ่าเฮีย3 กับปริศนา ซ้อ 7 สะใภ้ ผู้สาบสูญ  ‘ซอสภูเขาทอง”

"วิญญรัตน์" ตระกูลเจ้าของธุรกิจ "ซอสภูเขาทอง" ซึ่งใช้เวลาในการปิดคดีถึง 16 ปี ในการปิดคดีที่มีเงื่อนงำ .."ความขัดแย้ง" ในพี่น้องที่มีทั้งหมด 7 คน และมีลูกชาย 3 คน คือ เฮีย 3 เฮีย 4 และ ลูกชายคนที่ 7 ที่เกิดการบาดหมางกันเองมากว่า 10 ปี จนเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2529 หลังคนร้ายใช้ปืน .38 ยิงนายไกรลาส วิญญรัตน์ หรือเฮีย 3 ที่ดูแลกิจการตำแหน่งผู้จัดการแทนพ่อ ได้เสียชีวิตลง ในเวลาต่อมา ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คน  นางวิมลรัตน์ วิญญรัตน์ สะใภ้ 4 หรือที่ทุกคนเรียกซ้อ 4 ภรรยา นายไกรวัลย์ วิญญรัตน์ หรือเฮีย 4 ของตระกูล  ผู้จ้างวานนายศิรินทร์ โลกนิมิตร คนขับรถจักรยานยนต์ และนายโพธิ์แก้ว โลกนิมิตร มือปืน

...

ศาลอาญาพิพากษาว่า มีความผิดจริง "ซ้อ 4" ต้องโทษประหารชีวิต ส่วนอีก 2 คน จำคุกตลอดชีวิต แต่ซ้อ 4 ทูลเกล้าถวายฎีกาและได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานอภัยโทษเป็นจำคุก 40 ปีที่ ทัณฑสถานหญิงลาดยาว แทนที่กิจการต่างๆ จะตกไปที่ เฮีย 4 ก็กลับกลายว่า ไปตกอยู่ที่ลูกชายคนที่ 7 แทน เพราะ ซ้อ 4 ได้ชื่อว่าฆ่าเฮีย 3 ไปแล้ว ทำให้ความขัดแย้งร้อนแรงขึ้นเป็นลำดับ ...

  นางวรรณราตรี วิญญรัตน์ สะใภ้ 7 ที่หายสาบสูญ
นางวรรณราตรี วิญญรัตน์ สะใภ้ 7 ที่หายสาบสูญ

ต่อมาวันที่ 13 กุมภาพันธ์ เฮีย 4 ได้ไปแจ้งความต่อกองปราบปราม  ให้ดำเนินคดีกับ  นางวรรณราตรี วิญญรัตน์ สะใภ้ 7 กล่าวหาว่าเป็นผู้จ้างวาน นายศิรินทร และนายโพธิ์แก้ว ฆ่านายไกรลาส ตามคดีเดิมที่ศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้ว  กระทั่งวันที่ 24 มิถุนายน 2545 ตำรวจมีหลักฐานว่า ซ้อ 7 มีส่วนร่วมกระทำผิดจริง 

...

แต่พอตำรวจออกติดตามซ้อ 7 กลับกลายเป็นว่า "ซ้อ 7 ได้หายไปแบบไร้ร่องรอยมานานกว่า 4 ปี" ไม่มีการติดต่อกับคนใกล้ชิด ญาติ และเงินบัญชีก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ตามวันเวลาที่เธอหายไปเช่นกัน


เธอหายไปตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2542 แต่กว่าเรื่องจะเปิดเผย ก็เมื่อแม่บ้านที่รับจ้างทำความสะอาดห้องซ้อ 7 ได้รับมอบอำนาจให้ไปแจ้วความสน.คลองตัน ลงบันทึกประจำวันว่ามีคนหาย เมื่อซ้อ 7 หายตัวไปอย่างน่าสงสัยเช่นนี้ ทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเธอจึงถูกขุดคุ้ยมาเสียละเอียดยิบ โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัว ความรักที่แสนจะไม่ราบเรียบของเธอกับสามี เรื่องชู้สาว เรื่องสมบัติหรือการหย่าร้าง มาเกี่ยวข้อง ทำให้ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ "เฮีย 7"

โรงงานซอสภูเขาทอง
โรงงานซอสภูเขาทอง

ปมสงสัยที่ผุดขึ้นในหัวสมองของทุกคน ที่ติดตามละครชีวิตของคนใน "ตระกูลวิญญรัตน์" แถมวาดภาพลำดับเรื่องราวเป็นตุเป็นตะว่า ซ้อ 7 ถูกฆ่าตัดตอนจากไอ้โม่งที่อยู่เบื้องหลังบงการฆ่าเฮีย 3 ด้วยการวางแผนที่แยบยลหลอกให้ซ้อ 7 เป็นตัวเชื่อมดึงซ้อ 4 เข้ามาเกี่ยวข้องในการติดต่อการจ่ายเงินให้กลุ่มมือปืนที่ลงมือสังหาร กระทั่งซ้อ 4 ติดร่างแหกลายเป็นคนจ้างวานฆ่าตามแผน ตัวเชื่อมอย่างซ้อ 7 ก็แปรผันจากผู้รับใช้ที่ดีกลายเป็นอยู่ไปก็รังแต่จะนำความเดือดร้อนมาให้ สุดท้ายก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย 

...

"ผมไม่ใช่คนเลวถึงขนาดจะคิดวางแผนสั่งฆ่าใคร แต่ยอมรับว่าในครอบครัววิญญรัตน์เอง ก่อนที่จะเกิดเรื่องเมื่อ 16 ปีที่ผ่านมา มีความขัดแย้งกันในครอบครัว  ซึ่งเป็นเรื่องการบริหารงานภายในบริษัทบ้างเป็นธรรมดา  ซึ่งทุกคนในครอบครัวเข้าใจ  และไม่คิดว่าปัญหานี้จะกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ถึงกับต้องฆ่ากันเองระหว่างพี่น้อง ที่ผ่านๆ มามีข่าวแบบอ้อมๆ ในทำนองว่าคนในครอบครัววิญญรัตน์  มีการจ้างวานให้มีการอุ้ม นางวรรณราตรี ไปฆ่าทิ้ง  ทุกวันนี้เมื่อเจอผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ทุกคนตักเตือนว่าให้หนักแน่น  เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ข้อเท็จจริงทั้งหมด" คำเปิดใจครั้งแรกของนายปริญญา วิญญรัตน์ หรือ เสี่ย 7 กับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2545

 *** คนนอก ไม่รู้ศึกภายใน แล้วอะไรคือข้อเท็จจริงที่ไม่เปิดเผยออกสู่สายตาประชาชนอย่างเราๆ แต่สิ่งที่ต้องสอนลูกสอนหลานให้เข้าใจลึกซึ้งถ่องแท้ คือความรักสามัคคีที่มีในครอบครัว กว่าพ่อแม่จะก่อร่างสร้างตัวมีสมบัติไว้เลี้ยงดูทายาทให้สุขสบาย ก็หวังเพียงบั้นปลายชีวิตจะนอนตายตาหลับ ไม่ใช่มารบราฆ่าฟันแย่งกันปกครองสมบัติ ญาติพี่น้องแตกแยกเฉกเช่นเรื่องราวที่กล่าวมาข้างต้นนี้

สินค้าของตระกูลรายได้มหาศาล
สินค้าของตระกูลรายได้มหาศาล