ก็ผมมันเป็นคนอารมณ์ดี พูดจาอะไรก็พูดออกมาจากใจ อาจจะดูโอ้อวดเกินความเป็นจริงในความรู้สึกใครไปบ้าง ทั้งที่จริงๆ แล้วคือ "ผมไม่ได้โม้นะครับ" ..... ประโยคฮิตติดปากคนไทยทั้งประเทศ ที่ฟังกันจนคุ้นชินหู จากคำพูดของอดีตนักมวยเหรียญทองอย่าง "ร.อ.สมรักษ์ คำสิงห์" ด้วยบุคลิกท่าทางมีอารมณ์ขัน ยิ้มแย้มเข้าถึงผู้คนได้ง่าย นอกจากสมรักษ์ จะเป็นอดีตนักมวยเหรียญทองแล้ว เค้ายังเป็นสัญลักษณ์ของความอารมณ์ดีที่ใครๆ เห็นก็ต้องอยากยิ้มทักทายเข้าไปพูดคุยด้วย
"สวัสดีครับ ผมสมรักษ์ คำสิงห์ ชีวิตตอนนี้นะครับ สบายดีครับ สนุกสนาน เกี่ยวกับในการทำงานนะครับ จริงๆ แล้วก็งานมีทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นงานอีเวนต์ งานราชการ งานละคร งานทีวี มีเยอะแทบจะไม่หยุดเลย ส่วนมากออกต่างจังหวัดเยอะ คนต่างจังหวัดยังคงต้อนรับผมมาก งานส่วนมากไปร้องเพลง ไปโชว์ตัว ไปแจกลายเซ็น งานบุญ งานวัด งานผ้าป่า งานขึ้นบ้านใหม่ งานเขต คนนู้นคนนี้ คุณสมรักษ์ๆ คือไปแล้วก็เป็นสีสันอีกอย่างหนึ่ง คือเราไปแล้วเราไปสร้างความสุข ให้ได้เห็น แค่ชาวบ้านเจอผมก็หัวเราะแล้ว หน้าผมมันสัญลักษณ์แห่งความสุขนะครับ ก็ขอบคุณคนไทยทั้งประเทศเลยนะครับที่ยังไม่ลืมผมนะครับ แม้เวลาจะผ่านมา 20 กว่าปี ที่ได้เหรียญทองโอลิมปิก ในปี 2539 แต่ภาพตรงนั้น เหตุการณ์ตรงนั้น ยังอยู่ในใจคนไทยตลอด" เป็นบทสัมภาษณ์ที่สมรักษ์ เคยกล่าวไว้

...
ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ พาไปเปิดประวัติอดีตนักมวยไทยชื่อดังก้องโลก ร.อ.สมรักษ์ คำสิงห์ เกิดเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2516 ที่จังหวัดขอนแก่น เป็นบุตรคนที่ 2 ของนายสุรัตน์ และนางประยูร คำสิงห์ ภรรยาชื่อ นางเสาวณีย์ คำสิงห์ มีบุตร-ธิดา 2 คน การศึกษา ชั้นมัธยมศึกษา โรงเรียนผะดุงศิษย์พิทยา, ปริญญาตรี คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รับราชการ อยู่ที่ศูนย์สวัสดิการทหารเรือ
"สมรักษ์" เริ่มชกมวยไทย ชื่อ พิมพ์อรัญเล็ก ศิษย์อรัญ เมื่ออายุ 12 ปี ชกมาแล้วรวมประมาณ 200 ครั้ง และแชมเปี้ยนรุ่น เฟเธอร์เวท เวทีลุมพินี ต่อมาหันมาชกมวยสากลสมัครเล่น และติดทีมชาติครั้งแรกในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ครั้งที่ 25 บาร์เซโลนา ประเทศสเปน ตกรอบ 16 คน จากนั้นชกมวยสากล ได้เหรียญทองมวยชิงแชมป์เอเชียที่ประเทศอิหร่าน, เหรียญทองมวยเอเชียนเกมส์ที่ประเทศญี่ปุ่น ครั้งที่ 12, เหรียญเงินมวยสมัครเล่นชิงแชมป์โลกที่กรุงเทพมหานคร, เหรียญทองมวยซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่จังหวัดเชียงใหม่, เหรียญทอง มวยคิงส์คัพ ที่กรุงเทพมหานคร, เหรียญทองมวยสากลโอลิมปิก ที่แอตแลนตาเกมส์ ครั้งที่ 26 รุ่นเฟเธอร์เวท ประเทศสหรัฐอเมริกา ปี 2539, เหรียญทองเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 เมื่อปี 2541

นอกจากนี้ยังเคย เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 27 เมื่อปี 2543 ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย (ครั้งที่ 3) ลงแข่งขันในรุ่นเฟเธอร์เวท (57 ก.ก.) ได้เหรียญทอง และเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 28 เมื่อปี 2547 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีช ในรุ่นเฟเธอร์เวท (57 ก.ก.) แพ้คะแนน 32-17
ในด้านของกิจการส่วนตัว เค้าเปิดร้านอาหาร "สมรักษ์ย่างเกาหลี" ถนนนวมินทร์ ตรงข้ามวัดบางเตย เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร และเปิดร้านที่ 2 ที่สามแยกพระโขนง-สุขุมวิท ต่อมาออกอัลบั้ม ขอร้องด้วยคน และเปิดค่ายมวย ส.คำสิงห์ และทำรายการกีฬาหมัดมวยอยู่ทางโทรทัศน์ ช่อง 5 และเป็นนายแบบถ่ายโฆษณากางเกงในชาย และมาทำงานกับค่ายรถไฟดนตรี ออกซิงเกิลเพลง เมิดคำสิเว้า และยังเคยเป็นผู้สมัคร ส.ส. ขอนแก่น เขต 10 พรรคชาติไทยพัฒนา หมายเลข 21 วันที่ 3 กรกฎาคม 2554
ย้อนไปเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2545 หวิดสิ้นชื่อ สมรักษ์ วีรบุรุษนักชก ขณะนั่งรถเบนซ์คันหรูร่วมทางกับ เมืองชัย กิตติเกษม อดีตแชมป์โลก ไปเตะฟุตบอลการกุศลที่จังหวัดสุรินทร์ แต่ถึงแค่จังหวัดปทุมธานี บริเวณ กม. 47-48 ถนนพหลโยธิน ขาออกใกล้สถาบันราชภัฏเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์ฯ ท้องที่หมู่ 14 ตำบลท่าโขง อำเภอคลองหลวง ถูกรถมอเตอร์ไซค์ ลักไก่ยูเทิร์นตัดหน้าทั้งที่เป็นช่วงห้ามกลับรถ ทำเอาหลานชายที่เป็นโชเฟอร์ ต้องเหยียบเบรกตัวโก่งจนรถเสียหลักแฉลบพุ่งชนราวเหล็กกั้นทาง ทำให้ง่ามมือฉีก ต้องเย็บ 7 เข็ม

...
ส่วนคนอื่นแค่ฟกช้ำดำเขียว หลังเกิดเหตุเจ้าตัวบ่นอุบ รถขาดประกัน ต้องซ่อมเองทั้งหมด ขณะที่นายสมรถ คำสิงห์ พี่ชายร่วมสายเลือดกล่าวว่าเรื่องที่เกิดขึ้น กำลังคิดปรึกษาทนายความ เพื่อเรียกร้องให้กรมทางหลวง จ่ายค่าชดเชยความเสียหาย เนื่องจากไม่ยอมปิดกั้นถนนให้สนิทปล่อยช่องให้รถจักรยานยนต์เลี้ยวกลับรถกันตามอำเภอใจ
ล่าสุด ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง คําสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด โดยระบุว่า ด้วย บริษัท บริหารสินทรัพย์ มหานคร จํากัด ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้จําเลยทั้งสองล้มละลาย และศาลได้มีคําสั่งลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๑ ให้พิทักษ์ทรัพย์ของ นางเสาวนีย์ คำสิงห์ จําเลยที่ ๑, นายสมรักษ์ คําสิงห์ จําเลยที่ ๒ เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ แล้ว ดังนั้น นับแต่วันที่ศาลมีคําสั่ง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียว มีอํานาจจัดการเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของจําเลย

...