ญาติร่ำไห้ เชิญวิญญาณสาวใหญ่จมน้ำในอุโมงค์ดับ พบอุโมงค์บกพร่อง น้ำซึม

เศร้า! ญาติสาวใหญ่จมน้ำในอุโมงค์ดับ ทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ ตร.พบเบื้องต้นอุโมงค์บกพร่อง มีน้ำซึมเข้ามา ทั้งหมดไม่ใช่น้ำฝนที่มาจากธรรมชาติ เร่งควานหาใครเป็นผู้สร้าง

วันที่ 7 ก.ย. 61 นายธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผอ.เขตประเวศ พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตประเวศ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ รถกระบะจมน้ำ เป็นเหตุให้น.ส.ภาณุมาศ แซ่แต้ นักธุรกิจวัย 41 ปี เสียชีวิตภายในรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ รีโว่ สีดำ ทะเบียน 7 กต 2080 กรุงเทพมหานคร บริเวณอุโมงค์ลอดทางรถไฟทางเข้าหมู่บ้านโกลเด้น นครา ซอยอ่อนนุช 65 แยก 14 แขวงและเขตประเวศ กรุงเทพฯ

นายธนะสิทธิ์ กล่าวว่า จากเมื่อวานน้ำเต็มอุโมงค์ หลังจากนั้นช่วงประมาณ 20.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ทำการสูบน้ำจนอยู่ในระดับ 30-40 ซม. ต่อมาเช้าวันนี้จึงเข้ามาตรวจสอบเบื้องต้นก่อน ระหว่างรอแบบการก่อสร้างอุโมงค์ของหมู่บ้าน เมื่อสูบน้ำออกหมดแล้วจะต้องวัดปริมาณของทางลอดบริเวณดังกล่าวว่ามีระดับน้ำอยู่กี่ลูกบาศก์เมตร ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า หากมีน้ำเต็มอุโมงค์น้ำจะมีความจุอยู่ที่ 1,971 ลูกบาศก์เมตร โดยอุโมงค์ดังกล่าวมีความยาว 95.4 เมตร โดยจุดลึกสุดมีความลึก 3 เมตร เป็นระยะทาง 8 เมตร กว้าง 10 เมตร ซึ่งจะต้องมาตรวจสอบหาว่าน้ำจำนวนดังกล่าวมาจากไหน ส่วนบ่อซัมหรือบ่อสำหรับพักน้ำที่อยู่ใต้ดิน พบว่ามีความลึก 10 เมตร กว้าง 5.5 เมตร ยาว 6.5 เมตร จะมีปริมาณความจุน้ำอยู่ที่ 357.5 ลูกบาศก์เมตร โดยภายในบ่อได้มีการตรวจลักษณะของน้ำในเบื้องต้นพบว่ามีลักษณะเน่าเหม็น สีดำ ซึ่งลักษณะของน้ำนั้นเป็นน้ำคนละลักษณะกับวันเกิดเหตุ (6 ก.ย.) จึงเชื่อได้ว่าเป็นน้ำคนละส่วนกัน แต่น้ำในบ่อมีการเชื่อมต่อมาที่อุโมงค์น้ำในบ่ออาจจะปนเข้ามาได้แต่ไม่ใช่น้ำทั้งหมด เพราะในบ่อจุน้ำได้ 300 กว่าลูกบาศก์เมตร ฉะนั้นน้ำจะมีความต่างกัน 1,613.5 ลูกบาศก์เมตร จึงต้องกลับมาตรวจสอบใหม่ว่าน้ำจำนวน 1,613.5 ลูกบาศก์เมตรมาจากที่ใด

นายธนะสิทธิ์ กล่าวต่อว่า จากการสอบถามผู้อาศัยในหมู่บ้านทราบว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 5 ก.ย. ได้เกิดเหตุรถยนต์ ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู สีขาว ลงไปเสียในอุโมงค์ ซึ่งขณะนั้นพบว่าน้ำอยู่ในระดับกันชนหน้า มีความสูงประมาณ 60 เซนติเมตร ดังนั้นจะมีระดับน้ำอยู่เกือบ 400 ลูกบาศก์เมตร เมื่อถึงเวลา 00.27 น.ของวันที่ 6 ก.ย. ที่รถยนต์ของผู้เสียชีวิตมาจมช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที มีน้ำเพิ่มมาอีก 1,613.5 ลูกบาศก์เมตร น้ำจำนวนดังกล่าวมาได้อย่างไร ซึ่งยังอยู่ระหว่างการหาสาเหตุอยู่ จึงต้องมีการคำนวณว่า ปริมาณน้ำในแต่ละส่วนมีปริมาณเท่าไหร่ และจะต้องตรวจสอบลึกลงไปอีกว่าพื้นที่นี้มีท่อน้ำอะไรหรือไม่ โดยจะต้องตรวจสอบว่ามีท่อน้ำประปา หรือมีแหล่งน้ำใต้ดินหรือไม่ หรือมีการรั่วจากระบบอะไรที่สามารถดึงน้ำจากจุดอื่นเข้ามาได้มากขนาดนั้น โดยที่ไม่มีการสูบน้ำ ทั้งนี้จะต้องขอเวลาในการตรวจสอบว่าน้ำจำนวน 1,613.5 ลูกบาศก์เมตร เข้ามาได้อย่างไร

นายธนะสิทธิ์ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะดูแบบของโครงการว่ามีการก่อสร้างและขออนุญาตเมื่อไหร่ รวมถึงระบบไฟที่แชร์ลงเครื่องปั๊ม จากการตรวจสอบระบบไฟทางในวันเกิดเหตุพบว่ามีการตัดไฟทางเพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร จึงทำให้บริเวณดังกล่าวมืดและมองสภาพน้ำไม่เห็น โดยหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวทางสำนักงานเขตประเวศ จึงได้ประสานเชิญนิติบุคคลหรือผู้แทนของหมู่บ้านในเขตพื้นที่เข้ามาร่วมประชุมเรื่องการวางแนวทางและหามาตรการป้องกัน เช่น การติดตั้งกล้องซีซีทีวี มีอุปกรณ์ช่วยเหลือในกรณีที่มีการจมน้ำ เช่น ป้อมทางเข้าที่อยู่ใกล้อุโมงค์ทางลอดเพียง 50 เมตร สามารถติดตั้งวินซ์ (รอกสลิงไฟฟ้า) เพื่อลากรถขึ้นมาได้ การติดตั้งปั๊มน้ำสำรอง และการตรวจสอบระบบปั๊มน้ำอยู่ตลอด หากมีระดับน้ำสูงจะต้องมีสัญญาณหรือป้ายเตือน รวมถึงมีแผงกั้นเพื่อไม่ให้รถวิ่งเข้ามา ทั้งนี้ในพื้นที่ประเวศมีอุโมงค์ลอดลักษณะดังกล่าวอีก 1 หมู่บ้าน

นายธนะสิทธิ์ กล่าวอีกว่า จากการสันนิษฐานเบื้องต้นจำนวนน้ำอาจเกิดจากมีรอยร้าวหรือรอยซึมเพราะฝน จึงได้สั่งการไปแล้วว่าเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่อาจลงไปไม่ถึง จึงเตรียมไดโว่ (ปั๊มน้ำแบบจุ่ม) และเครื่องหางอ่อนมาสูบน้ำและส่งน้ำออกไปข้างนอกให้แห้งสนิท เพื่อตรวจสอบดูว่ามีรอยร้าว หรือรอยซึมในจุดใด อย่างไรก็ตามไม่น่าจะเกิดจากการสูบน้ำเข้ามาในพื้นที่ เพราะในระยะเวลา 2-3 ชั่วโมงไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากเมื่อวานนี้เราได้ตั้งเครื่องสูบน้ำและต้องใช้เวลาถึง 7 ชั่วโมง ในการสูบน้ำออกจากอุโมงค์ แต่ปริมาณน้ำที่เข้ามาในพื้นที่ใช้เวลาเพียงแค่ 3 ชั่วโมง ในส่วนนี้จึงยังเป็นข้อสงสัยซึ่งจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าเครื่องสูบน้ำของหมู่บ้านเสียนั้น ตรวจสอบพบว่าเครื่องสูบน้ำของหมู่บ้านไม่ได้เสียและท่อสูบน้ำออกไม่ได้แตก เจ้าหน้าที่เขตได้มาเปิดเครื่องของหมู่บ้านที่ปิดไว้ก็สามารถใช้ได้ตามปกติ

นายธนะสิทธิ์ กล่าวว่า ทางเขตได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้ดำเนินการในเรื่องการสูบน้ำ เอาเครื่องสูบน้ำของทางราชการมาช่วยให้เรียบร้อย รวมถึงวางมาตรการป้องกัน อะไรที่ช่วยเหลือหมู่บ้านได้ก็ให้ช่วย ส่วนประเด็นเรื่องการก่อสร้างอุโมงค์ถูกต้องหรือไม่ จะต้องขอตรวจสอบก่อนว่า ขณะนั้นที่มีการขออนุญาตสร้างเป็นอำนาจของสำนักงานเขตหรือสำนักการโยธา ซึ่งจะต้องย้อนกลับไปตรวจสอบว่ามีการขออนุญาตเมื่อไหร่ ได้ขออนุญาตถูกต้องหรือไม่ แต่จากการสอบถามบ้านที่อยู่ข้างๆ บอกว่าอุโมงค์ดังกล่าวสร้างมานานกว่า 20 ปีแล้ว ถ้ามีการขออนุญาตสร้างถูกต้องในส่วนนี้อาจเกิดจากอุบัติเหตุหรือความเสื่อมสภาพก็จะต้องมาตรวจสอบต่อ แต่ตนเชื่อจากดุลยพินิจในการก่อสร้างของโครงการดังกล่าวมีเปอร์เซ็นต์ที่จะขออนุญาตก่อสร้างถูกต้องค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตามในพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของเอกชน ฉะนั้นการบำรุงรักษาจะเป็นหน้าที่ของเอกชนในการดูแล

ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. ทางญาติของ นางภาณุมาศ แซ่แต่ อายุ 41 ปี เจ้าของกิจการ บริษัท ออพติโม (ประเทศไทย) ผู้เสียชีวิต หลังรับศพมาจากสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ได้เดินทางมาพร้อมพระ 1 รูป และศพนางภาณุมาศ แซ่แต่ อายุ 41 ปี ที่บรรจุอยู่ในโลงหลังรถตู้รูปถ่ายผู้เสียชีวิตมาทำพิธีการเชิญดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิต ที่บริเวณใต้อุโมงค์ทางลอดทางรถไฟ ทางเข้า-ออกหมู่บ้านโกลเด้นนครา บริเวณหลัก กม.3+800 ขาเข้าถนนมอเตอร์เวย์ ที่เชื่อมต่อไปยังซอยอ่อนนุช 65 แยก 14 แขวง ประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ ใกล้จุดที่พบรถและผู้เสียชีวิตโดยปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชน โดยใช้เวลาประกอบพิธีประมาณ 20 นาที ก่อนจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดกระทุ่มเสือปลา ย่านอ่อนนุช เวลา 19.00 น. และในวันพรุ่งนี้จะนำศพนาง ภาณุมาศ แซ่แต่ อายุ 41 ปี ผู้เสียชีวิตไปฝัง ณ สุสาน บริษัทเนอร์วาน่าเมมโมเรียล ปาร์ค จำกัด อ.บางบึง จ.ชลบุรี

ด้าน พ.ต.อ.อลงกรณ์ ศิริสงคราม ผกก.สน.ประเวศ เปิดเผยถึงคดีนักธุรกิจวัย 41 ปี เสียชีวิตภายในรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ รีโว่ สีดำ ทะเบียน 7 กต 2080 กรุงเทพมหานคร บริเวณอุโมงค์ลอดทางรถไฟทางเข้าหมู่บ้านโกลเด้น นครา ซอยอ่อนนุช 65 แยก 14 แขวงและเขตประเวศ กรุงเทพฯ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง โดยได้สอบปากคำไปแล้ว 7 ปาก ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) 4 ปาก ทั้ง หัวหน้า รปภ. 1 ปาก รปภ.ที่อยู่บริเวณป้อมในหมู่บ้านซึ่ง น.ส.ภาณุมาศ ขับรถผ่าน 2 ปาก และ รปภ.ป้อมทางเข้าหมู่บ้านติดถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ 1 ปาก นิติบุคคล 2 ปาก และเพื่อนของผู้เสียชีวิต ที่ น.ส.ภาณุมาศได้โทรไปขอความช่วยเหลือ 1 ปาก ส่วนญาติยังไม่ได้สอบปากคำ เนื่องจากทางครอบครัวขอดำเนินการเรื่องศพก่อน และเตรียมเรียกช่างทำระบบเข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติม

โดยอยู่ระหว่างการประสานกับนิติบุคคลตรวจสอบว่า ใครเป็นผู้สร้างอุโมงค์ดังกล่าว เบื้องต้นพบว่า ระบบของอุโมงค์มีความบกพร่อง คือ มีน้ำรั่วซึมเข้ามา น้ำที่ลงมาทั้งหมดไม่ได้เกิดจากน้ำฝนที่ไหลมาตามธรรมชาติ โดยเมื่อวันที่ 6 ก.ย.ทางสำนักงานเขตประเวศได้สูบน้ำออกแล้ว แต่วันนี้ก็ยังมีปริมาณน้ำเพิ่มแสดงว่า ระบบการสร้างอุโมงค์ และระบบการป้องกันน้ำของอุโมงค์น่าจะมีจุดบกพร่อง ซึ่งยังอยู่ระหว่างการประสานกับนิติบุคคล เพื่อติดต่อว่าบริษัทใดเป็นผู้สร้าง และให้เข้ามาตรวจสอบระบบว่าน้ำที่ไหลเข้ามาในอุโมงค์ไหลมาจากไหนอย่างไร เนื่องจากบริเวณดังกล่าวไม่ได้ติดต่อกับคูคลองสาธารณะแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามต้องขอเวลาให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อน ซึ่งต้องขอเวลาตรวจสอบการจัดการระบบอุโมงค์ดังกล่าวมีการบกพร่องอย่างไร หากมีการบกพร่องแล้วทางนิติบุคคลได้มีการสั่งกำชับหรือให้ความปลอดภัยกับลูกบ้านอย่างไร

ต่อมาเวลา 15.00 น. ทางสำนักงานเขตประเวศได้ดูดน้ำออกจากอุโมงค์ตั้งแต่เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา จนแห้งสนิท และได้ตรวจหาสาเหตุรอยรั่วซึมรอยแยกบริเวณภายในอุโมงค์ กระทั่งพบว่ามีน้ำผุดขึ้นมาจากบริเวณท่อระบายน้ำเป็นจำนวนมาก ลักษณะมีโคลนขุ่นสีดำขึ้นมา โดยมีชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สูบยังไงน้ำก็ขึ้นมาท่วมอีก เพราะก่อนหน้านี้ใกล้ๆ เป็นลำคลองชอ คลองบ้านม้า ที่ขณะนี้เป็นเส้นทางของตอม่อรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ที่สร้างคร่อมทับไปแล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.ภาณุมาศ ได้ขับรถไปส่งแฟนที่สนามบินช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. หลังจากนั้นได้นัดทานข้าวกับเพื่อนที่ร้านอาหารเกาะลันตา สุวรรณภูมิ ก่อนจะกลับมาที่หมู่บ้านโดยใช้ทางเข้า ซ.อ่อนนุช 65 แยก 14 โดยที่ยังไม่ได้เข้าบ้านพัก โดย น.ส.ภาณุมาศ ได้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุ เพื่อออกทางป้อมที่ติดถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ เพื่อออกไปเติมน้ำมัน โดยได้ผ่านป้อมที่อยู่ในหมู่บ้านโดยใช้ระบบคีย์การ์ดผ่านเข้าออก แต่กลับมาประสบเหตุเป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว ทั้งนี้ทางนิติบุคคลเพิ่งเข้ามารับช่วงดำเนินการต่อจากชุดเก่าได้เพียง 2 เดือน โดยทราบว่า อุโมงค์ดังกล่าวก่อสร้างมา 12-15 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบหาเอกสารการก่อสร้างและการติดตั้งระบบ.