แพทย์โรคผิวหนังเตือนหนุ่มสาวอยากสักทั้งหลายให้ระวังและรักษาความสะอาดให้ดี โดยเฉพาะบริเวณริมฝีปาก เหตุเสี่ยงติดเชื้อง่าย อันตรายรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต ชี้แต่ละปีมีผู้มารักษาเพราะได้รับผลกระทบไม่ต่ำกว่า 200 ราย ด้านกรมควบคุมโรค เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีญาติสาวสักลายพร้อมเพื่อนอีก 3 คน แล้วอ้างติดเชื้อเอชไอวีจนเสียชีวิตทั้งหมด ส่วน “นิกกี้” พริตตี้คนดัง ตั้งโต๊ะแถลงกรณีสองสาวพี่น้องมาใช้บริการสักริมฝีปากแล้วติดเชื้อ ยันร้านไม่ใช่คลินิกเถื่อน หรือปัดความรับผิดชอบตามที่เป็นข่าว

จากกรณีมีผู้ร้องเรียนจาก จ.เลย อ้างว่าลูกสาวและเพื่อนติดเชื้อเอชไอวีจากการสักลาย รวมถึงเสียชีวิตในเวลาไม่นานหลังสักลายนั้น ต่อมาเมื่อวันที่ 2 ก.ย. พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีนี้ว่า หากพูดในทางการแพทย์ต้องบอกว่า หากการสักไม่มีการดูแลเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ใช้อย่างสะอาดเป็นไปตามมาตรฐาน ย่อมมีความเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวี รวมทั้งเชื้ออื่นๆด้วย แต่ทุกอย่างจะมีขั้นตอนอยู่ อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ที่เป็นข่าวยังตอบไม่ได้ว่าติดเชื้อจากการสักหรือไม่ ต้องรอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน แต่โดยปกติแล้วไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การจะสักผิวหนังต้องเลือกดีๆ ว่าร้านที่จะสักนั้นมีการดูแลความสะอาดของเข็มที่ใช้ดีหรือไม่ เพราะใช้แล้วต้องทิ้งเลย และเครื่องมือต่างๆ ต้องทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคทั้งหมด ส่วนคนที่ไปสักต้องดูแลตัวเองด้วย เพราะหากดูแลไม่ดีก็ย่อมติดเชื้อได้

...

“จริงๆ การสักต่างๆ ทั้งสักลาย สักคิ้ว ทั้งหมดมีความเสี่ยงติดเชื้อได้ทั้งสิ้น อย่างที่ผ่านมาที่สถาบันโรคผิวหนังมีคนมารักษามากเฉลี่ยปีละ 200 คน ส่วนใหญ่จะเกิดจากการอักเสบ ติดเชื้อเป็นหนอง บางรายแพ้สีที่สักก็มี ขณะที่หลายรายมารักษาแบบสภาพจิตใจ คือรู้สึกไม่น่าสัก หลายรายมาลบรอยสักที่สถาบันฯ สิ่งสำคัญไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เมื่อสักผิวแล้ว ต้องดูแลผิวให้ดี เช่น หากเราสักผิวภายนอกปกติ ตามร่างกายก็ต้องดูแลอย่าให้ติดเชื้อประมาณ 1 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับบริเวณที่สัก แต่ที่ผ่านมามีปัญหาตรงที่หลายรายไปสักช่องเปิดต่างๆ อย่างปาก ซึ่งเป็นบริเวณเสี่ยงติดเชื้อง่าย การทำความสะอาดไม่เพียงพอก็ติดเชื้อได้” พญ.มิ่งขวัญกล่าว

ด้าน นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ร้านสักนั้น เป็น 1 ใน 141 ประเภทของกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ มีกฎกระทรวงกำกับดูแล เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2558 โดยประกาศดังกล่าวมอบให้ท้องถิ่นออกข้อบัญญัติ ข้อกำหนดต่างๆในการดูแลกันเอง เรียกว่ามอบอำนาจให้ ส่วนกรณีการสักแล้วเสียชีวิตดังกล่าวนั้น ไม่สามารถตอบได้ว่าเพราะสาเหตุใด คงต้องรอผลการตรวจสอบให้แน่ชัดต่อไป

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังกรมควบคุมโรค (คร.) ถึงกรณีดังกล่าวข้างต้นทราบว่า ขณะนี้กำลังมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมทั้งตามหาว่าอีก 3 คนที่เหลือที่มีการกล่าวว่าเสียชีวิตจากเชื้อเอชไอวี และกังวลว่าอาจมาจากร้านสักกำลังสอบถามว่าเคยรักษาตัวที่ไหน เพื่อหาข้อมูลข้อเท็จจริงต่อไป

นอกจากนี้ เมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่ร้านอาจารย์เฟียร์สักคิ้ว ย่านเสนานิคม น.ส.ณัฐณิชา สกุลจารุพงศ์ หรือนิ้กกี้ พริตตี้เงินล้าน อายุ 31 ปี เจ้าของร้าน พร้อมด้วยนายธรรมชาติ สุนทรนิธิพงศ์ หรือ อ.เฟียร์ และนายนิติธร แก้วโต หรือทนายเจมส์ เปิดแถลงข่าวชี้แจงกรณีลูกค้าสองสาวพี่น้องมาใช้บริการสักริมฝีปาก แล้วต่อมาริมฝีปากเริ่มเน่า เนื่องจากติดเชื้อ จนต้องแอดมิดเข้า รพ.ว่า ก่อนทำการสัก มีการทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร มีการสอบถามประวัติเกี่ยวกับโรคประจำตัวประวัติการแพ้ยา รวมถึงประวัติการใช้ยาปัจจุบัน โดยคนพี่ต้องการสักปาก สักคิ้ว และสักขอบตา ส่วนคนน้องสักปากและคิ้ว เมื่อสักเสร็จทั้งคู่ก็ไม่ได้มีอาการไม่พอใจกับการให้บริการของทางร้าน ซึ่งร้านมีการแนะนำขั้นตอนการดูแลหลังสักพร้อมคู่มือ ส่วนยาทานทางร้านทำได้เพียงแนะนำให้ไปซื้อมาทาน เพราะไม่สามารถนำมาขายให้ได้เนื่องจากไม่ใช่แพทย์ ปกติแล้วหลังสักเสร็จต้องทำตามที่แนะนำ กระทั่งวันที่ 25 ส.ค. คู่กรณีแจ้งกลับมาว่าจะต้องแอดมิด เข้า รพ. เพราะปากเริ่มเน่าสาเหตุมาจากติดเชื้อในกระแสเลือดจากการสัก ตนได้บอกกลับไปว่ารักษาให้หายก่อนจะรับผิดชอบเอง มีหลักฐานการคุยทุกถ้อยคำ

น.ส.ณัฐณิชากล่าวอีกว่า ทางร้านไม่ใช่คลินิกเถื่อน หรือปัดความรับผิดชอบตามที่เป็นข่าว ยืนยันว่าร้านมีความสะอาด 100 เปอร์เซ็นต์ การสักทุกครั้งมีการเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่หมด รวมถึงคนที่สักก็มีเพียงคนเดียวคือ อาจารย์เฟียร์ และในวันนั้นมีลูกค้ามาสักปากเช่นเดียวกันอีก 4 ราย แต่ทำไมคนอื่นๆ ไม่มีอาการ ตนไม่ได้จะโทษลูกค้าผิดแต่อยากให้มองกลับไปว่าลูกค้ามีโรคประจำตัวอะไรบ้างที่ไม่ได้บอกทางร้าน ลูกค้าดูแลตามที่ร้านแนะนำหรือไม่หรือลูกค้าทานอาหารที่ผิดสำแดงหรือไม่ ตนรับไม่ได้กับการที่บอกว่าสักมาแล้วทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือด และเพื่อความชัดเจนว่าการติดเชื้อดังกล่าวนั้น มาจากร้านหรือไม่ ตนอยากให้ทั้งคู่ตรวจว่าเชื้อนั้นเกิดจากอะไร ตนยังไม่ได้คิดจะฟ้องกลับหากผลตรวจออกมานั้นไม่ได้เกิดจากทางร้าน เพียงแค่อยากทำให้คำพูดที่ว่ามาสักร้านนิ้กกี้แล้วปากเน่า ออกไปจากความคิดของทั้งคู่ หลังจากนี้จะยกหน้าที่ให้ทนายความดูแลเรื่องดังกล่าวต่อไป

...