โมโหทุบหัวดับคามือ ทําแผนยังไม่สะท้าน!

“ไอ้โก้” เปิดปากอ้างไม่ได้ฆ่า “เชอรี่” เพราะต้องการชิงทรัพย์ โบ้ยความผิดให้เหยื่อ ก่อเหตุเพราะถูกฝ่ายหญิงจะใช้ไม้เบสบอลตีและด่าทอถึงพ่อแม่ เลยบันดาลโทสะแย่งไม้ได้ตีไม่นับ ส่วนเงิน 7 ล้านไม่เคยเห็น ระหว่างหลบหนีมีเงินติดตัวอยู่แสนกว่าบาท โดนพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน 9 รายการ มีทั้งรถยนต์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องประดับ และกระเป๋าแบรนด์เนม ฯลฯ รวมมูลค่า 8 แสนบาท พร้อมคัดค้านประกันตัว ฝากขังศาลไม่มีคนยื่นประกันต้องเดินคอตกเข้าเรือนจำ

กรณีพบศพ น.ส.ธิติมา หรือเชอรี่ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ อายุ 39 ปี เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขนส่ง และปั๊มน้ำมัน ญาติพระเอกหนุ่ม แบงค์-อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ เสียชีวิตอยู่ในห้องเลขที่ 2702 ชั้น 7 โรงแรมกรีนพอยต์ เรสซิเดนท์ ซอยประดิษฐ์มนูธรรม 19 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. สภาพสวมชุดนอนสีเขียวนั่งหน้าฟุบกับขอบเตียง มีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งที่ท้ายทอยด้านหลังกะโหลกยุบ บนที่นอนพบไม้เบสบอลเปื้อนเลือดตกอยู่ สอบสวนพบผู้ตายมาเปิดห้องพร้อมกับนายอัศยา หรือโก้ ชัยภา อายุ 33 ปี ลูกน้องในบริษัท เข้าพักเมื่อคืนวันที่ 26 ก.ค. นายอัศยาออกจากห้องเมื่อคืนวันที่ 27 ก.ค.คนเดียว ตำรวจรวบรวมหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ ตามไปพบรถเมอร์เซเดสเบนซ์ อี 220 สีบรอนซ์ทองของผู้ตาย จอดทิ้งไว้ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ จ.จันทบุรี เชื่อว่าผู้ต้องหาหลบหนีไปประเทศกัมพูชา ชุดสืบสวนพยายามประสานทางการกัมพูชาติดตามตัวกว่า 1 เดือนจนประสบความสำเร็จ จับกุมตัวนายอัศยาและนายอนุวัฒน์ ชัยภา อายุ 32 ปี น้องชาย ได้ที่หมู่บ้านเคลงปอ ต.เปรยเงียด อ.คองปิเซ จ.กัมปงสปือ นำตัวส่งให้ตำรวจไทยที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว คุมตัวเข้ากรุงเทพฯทันที

...

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 1 ก.ย. ที่กองบินตำรวจ ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท.พร้อมคณะ คุมตัวนายอัศยา หรือโก้ ชัยภา อายุ 33 ปี นายอนุวัฒน์ ชัยภา อายุ 32 ปี น้องชายลงจากเฮลิคอปเตอร์ หลังสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คนได้ที่เมืองกำปงสะปือ ประเทศกัมพูชา ก่อนนำตัวขึ้นรถตู้โตโยต้า คอมมิวเตอร์ สีขาว ทะเบียน ฮฐ 1216 กรุงเทพมหานคร ไปแถลงข่าวที่ สน.โชคชัย โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 คนสีหน้าเรียบเฉยและไม่ได้พยายามปิดบังใบหน้าแต่อย่างใด

เมื่อเดินทางไปถึง สน.โชคชัย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.4 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.สส.บก.น.4 และ พ.ต.อ.สุพล ค้ำชู ผกก.สน.โชคชัย ร่วมแถลงจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ภายหลังรัฐบาลกัมพูชาจับกุมผู้ต้องหานำตัวมาส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มอบหมายให้ไปรับตัวกลับมาดำเนินคดี หลังจากชุดจับกุมไปเฝ้าติดตามกว่า 1 เดือน จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 31 ส.ค. เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพทุกข้อกล่าวหา สาเหตุเกิดจากการทะเลาะวิวาท ส่วนเรื่องทรัพย์สินเงินสดต่างๆที่หายไปอยู่ระหว่างขยายผล วันนี้เวลาประมาณ 09.00 น. จะนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ

ด้านนายอัศยา ผู้ต้องหา กล่าวว่า ขอโทษพ่อแม่ผู้เสียชีวิตกับสิ่งที่ทำลงไป ไม่อยากให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น สาเหตุที่ลงมือไม่ได้เกิดจากอยากได้ทรัพย์สิน แต่เป็นเรื่องส่วนตัวล้วนๆ การก่อเหตุไม่ได้เตรียมการมาก่อน รวมทั้งการหลบหนี สาเหตุที่หนีเพียงอยากประวิงเวลาให้ได้คิด ส่วนน้องชายไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ตนเพียงไปรับน้องชายบอกว่าจะพาไปเที่ยวช่วงหยุดยาว 4 วัน พอไปถึงประเทศกัมพูชาน้องชายสังเกตเห็นว่าตนมีอาการวิตกกังวลและน้ำตาไหล จึงสารภาพกับน้องชายไป เขาเป็นห่วงเราบอกจะอยู่ด้วยสักระยะ “ไม้เบสบอลที่ใช้ก่อเหตุ ผู้ตายเป็นคนให้ผมซื้อติดรถไว้ป้องกันตัว วันเกิดเหตุผู้ตายเป็นคนถือไม้เบสบอลขึ้นมาบนห้อง เลยมีการฉุดกระชากกัน และผู้ตายพูดจาที่ไม่น่าจะพูด ลักษณะด่าทอดูถูกหลายๆเรื่อง รวมไปถึงด่าเรื่องแฟนเก่าและบิดามารดาของผมด้วย ประกอบกับทะเลาะกันทุกวันจนถึงขีดสุดจริงๆ พอแย่งไม้เบสบอลได้ก็ตีจนสลบ แต่จำไม่ได้ว่าตีไปกี่ครั้ง ผู้ตายไม่ได้ร้องขอชีวิต พอลงมือฆ่าเสร็จ ผมอยากฆ่าตัวตายตามเพื่อจบเรื่องราวทั้งหมดเหมือนกัน” ฆาตกรโหดกล่าว

นายอัศยากล่าวอ้างด้วยว่า ตนคบหากับผู้ตายมาประมาณ 1 ปี และพักอยู่ที่ห้องเกิดเหตุด้วยกันมาตลอด เนื่องจากครอบครัวผู้ตายไม่ชอบตนและมีจุดหนึ่งที่อึดอัด คือไม่สามารถไปเยี่ยมลูกสาวของตนได้ ขอยืนยันว่าไม่ได้เอาเงิน 7 ล้านบาทจากเชอรี่ไป มีเพียงเงินเก็บส่วนตัวแค่แสนกว่าบาทติดตัวไปเท่านั้น นอกจากนี้ การไปใช้ชีวิตที่กัมพูชา เคยมีความคิดที่จะมอบตัว เพียงแค่เหตุการณ์ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็ว สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมันพาไป การใช้ชีวิตก็ยาก เพราะเจ้าหน้าที่กัมพูชาตรวจสอบละเอียด แต่เข้าไปแล้วเหมือนดวงพาไป

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวตอนท้ายด้วยว่า เบื้องต้นแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืนกับนายอัศยา ส่วนนายอนุวัฒน์แจ้งข้อหาให้ความช่วยเหลือผู้กระทำความผิด หรือผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดไม่ให้ถูกจับกุม ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ดำเนินการต่อ

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. กล่าวด้วยว่า หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งให้เป็นหัวหน้าชุดระดมทีมสืบสวนประสานกับ พล.ท.เซา ซก คา รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการหน่วยรักษาความปลอดภัยฝ่ายพลเรือน ประเทศกัมพูชา มีความสัมพันธ์อันดีกับทีมงานตำรวจท่องเที่ยวเมื่อครั้งร่วมกันบุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กลางกรุงพนมเปญ ชุดสืบสวนลงพื้นที่แกะรอยทั้งจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าใช้หลบหนี พบผู้ต้องหาอยู่ในหมู่บ้านเคลงปอซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมง ต.เปรยเงียด อ.คองปิเซ จ.กัมปงสปือ จึงวางกำลังชุดสืบสวนไว้รอบหมู่บ้าน รอจังหวะให้ 2 ผู้ต้องหาปรากฏตัว ก่อนจับกุมตัวนายอัศยาพร้อมนายอนุวัฒน์น้องชายที่พาหนี

“จากการสืบสวนหลังจากหลบหนีไปประเทศกัมพูชา มีพยานพบเห็นทั้ง 2 คนเข้าพักที่โรงแรมมงกุฎ ประเทศกัมพูชา จึงประสานขอภาพวงจรปิดพบว่านายอัศยาและนายอนุวัฒน์เข้าพักที่โรงแรมมงกุฎจริง ที่ห้อง 5509 ชั้น 5 เวลา 19.11.55 น.วันที่ 27 ก.ค. ออกจากห้องเวลาประมาณ 20.49 น.วันที่ 27 ก.ค. ทั้งสองสวมหมวกปิดบังใบหน้าออกจากโรงแรม หนีไปหลบซ่อนที่หมู่บ้านเคลงปอ ก่อนถูกตำรวจไทยและทางการกัมพูชาจับกุมได้” รอง ผบช.ทท.กล่าว

...

ต่อมาเวลา 06.00 น. พ.ต.อ.สุพล ค้ำชู ผกก.สน.โชคชัย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.โชคชัย นำตัวนายอัศยาผู้ต้องหาคดีฆ่า น.ส.ธิติมา ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่โรงแรมกรีนพอยท์ เรสซิเด้นท์ ซอยประดิษฐ์มนูธรรม 19 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. ขณะนำตัวผู้ต้องหาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนขึ้นไปบันทึกภาพที่ห้องเลขที่ 2702 ชั้น 7 ที่เกิดเหตุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย นำตัวนายอัศยาไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จุดแรกเป็นที่จอดรถใต้โรงแรมกรีน–พอยท์ เรสซิเด้นท์ จุดที่ 2 ทางเดินของโรงแรม ก่อนที่ทั้ง 2 คนจะเข้าไปในห้องเลขที่ 2702 ชั้น 7 จุดที่ 3 ภายในห้องที่ทั้งคู่มีปากเสียงกันก่อนที่ผู้ต้องหาอ้างว่าฝ่ายหญิงใช้ไม้เบสบอลที่วางอยู่ที่โซฟามาตีตน จึงเกิดการยื้อแย่งกัน หลังจากแย่งได้นายอัศยาใช้ไม้เบสบอลตีศีรษะของฝ่ายหญิงจน
แน่นิ่ง จำไม่ได้ว่าตีไปกี่ครั้ง จากนั้นโยนไม้เบสบอลทิ้งไว้บนที่นอน จุดที่ 4 นำตัวนายอัศยามาชี้บริเวณทางออกโรงแรมขณะขับรถเบนซ์ของเหยื่อหลบหนี หลังจากนั้นคุมตัวกลับไปสอบสวนที่ สน.โชคชัย

หลังจากนั้นเวลา 10.00 น. พนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ควบคุมตัวนายอัศยา หรือโก้ ชัยภา อายุ 33 ปี และนายอนุวัฒน์ ชัยภา อายุ 32 ปี น้องชายเดินทางไปฝากขังศาลอาญา นายอัศยาแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว สวมเสื้อหนังสีน้ำตาลคลุมทับ กางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าผ้าใบ เดินขึ้นรถขังผู้ต้องหาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ส่วนนายอนุวัฒน์แต่งกายสวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว-น้ำเงินแขนยาว กางเกงวอร์มขายาวสีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบ พยายามก้มหน้าหลบผู้สื่อข่าวที่กำลังถ่ายภาพ

พ.ต.ท.พสิษฐ์ สายชนม์ศักดิ์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.โชคชัย เผยว่า พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนี จากการสอบสวนนายอัศยาทราบว่าผู้ต้องหาและผู้ตายคบหากันมานานกว่า 1 ปี มักจะมีปากเสียงทะเลาะกันบ่อยครั้งเรื่องภรรยาเก่าและลูกของผู้ต้องหา ทุกครั้งฝ่ายผู้หญิงมักลงมือทำร้ายร่างกายนายอัศยาทุกครั้ง ส่วนวันเกิดเหตุมีปากเสียงกันจนถึงขั้นฝ่ายหญิงหยิบไม้เบสบอลที่วางไว้ที่โซฟาจะทำร้าย ผู้ต้องหาจึงแย่งไม้เบสบอลมากระหน่ำตีไปที่ศีรษะฝ่ายหญิงจนแน่นิ่งไป จำไม่ได้ว่าตีไปกี่ครั้ง

...

พ.ต.ท.พสิษฐ์เผยต่อไปว่า หลังจากตีฝ่ายหญิง จนแน่นิ่ง ได้โยนไม้เบสบอลลงบนที่นอนก่อนเดินออกจากห้องเดินทางไปหาน้องชาย ก่อนจะหลบหนี ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โกหกน้องชายว่าจะพาไปเที่ยว ส่วนเรื่องเงินของฝ่ายหญิงที่หายไป ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆทั้งสิ้น และเงินที่ใช้หลบหนีเป็นเงินส่วนตัว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหานายอัศยาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและลักทรัพย์ในเวลากลางคืน นำตัวส่งศาลอาญาดำเนินคดี ส่วนนายอนุวัฒน์ แจ้งข้อหาช่วยเหลือผู้กระทำผิดหลบหนี นำตัวส่งศาลแขวงพระนครเหนือ

ต่อมา เวลา 10.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน. โชคชัยคุมตัวนายอัศยาไปฝากขังที่ศาลอาญา นายอัศยา กล่าวเพียงสั้นๆว่า ตนเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ขอโทษญาติผู้เสียชีวิตตนไม่อยากให้เรื่องเป็นแบบนี้ ส่วนนายอนุวัฒน์ เจ้าหน้าที่คุมตัวไปฝากขังต่อศาลแขวงพระนครเหนือก่อนหน้านี้แล้ว

ที่ศาลอาญา พนักงานสอบสวน สน.โชคชัย นำตัวนายอัศยา หรือโก้ ชัยภา อายุ 33 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่น มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-12 ก.ย. เนื่องจากต้อง สอบพยานเพิ่มเติม 5 ปาก รอผลการตรวจลายพิมพ์มือ ผู้ต้องหาและอื่นๆ กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 26-27 ก.ค. ต่อเนื่องกัน ผู้ต้องหาใช้ไม้เบสบอลทำร้าย น.ส.ธิติมา ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ หรือไฮโซเชอรี่ อายุ 39 ปี นักธุรกิจ สาวด้านอสังหาริมทรัพย์ บริเวณท้ายทอยสมองได้รับ ความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจนถึงแก่ความตาย แล้วลักทรัพย์สิน 9 รายการ ของผู้ตาย อาทิ รถยนต์เบนซ์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องประดับ กระเป๋าแบรนด์เนม และอื่นๆ รวมมูลค่า 8 แสนบาท เหตุเกิดภายในห้องพัก 2720 กรีนพอยท์ เรซซิเดนซ์ ซอยประดิษฐ์มนูธรรม 19 แขวง-เขตลาดพร้าว กทม.

ต่อมา พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาที่ จ.1704/61 ลงวันที่ 31 ส.ค.62 ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ส่งพนักงานสอบสวน สน.โชคชัยดำเนินคดี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 และ 355 (1) ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากปล่อยเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ไม่มีญาตินายอัศยา มายื่นหลักทรัพย์และคำร้องขอปล่อยชั่วคราว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ต่อไป ส่วนนายอนุวัฒน์ ชัยภา อายุ 32 ปี น้องชาย นายอัศยา ถูกดำเนินคดีข้อหาผู้ใดให้การช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งกระทำความผิดหลบหนีไม่ให้ต้องถูกจับกุม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 189 พนักงานสอบสวน สน.โชคชัย นำตัวไปฝากขังต่อศาลแขวงพระนครเหนือเป็นเวลา 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-6 ก.ย.