“บูม-พี่ชาย” เข้ารับทราบข้อหาฉ้อโกงเงินบิทคอยน์ หลอกหนุ่มฟินแลนด์ลงทุนซื้อหุ้นสูญเกือบ 800 ล้านบาท นักแสดงชื่อดังยันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทำผิดร่วมกับ “ปริญญา” พี่ชายคนโต ด้าน “รอง ผบก.ป.” เผยนายบูมใช้ความเป็นดาราร่วมชักจูงเหยื่อ ตระกูลจารวิจิตได้เงินจากผู้เสียหายเกือบ 500 ล้านบาท เตรียมเรียกพ่อแม่รับทราบข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ขณะที่ “ปริญญา” จ่อโดนออกหมายจับ “ร่วมกันฉ้อโกง-ร่วมกันฟอกเงิน”
กรณีนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม จารวิจิต อายุ 27 ปี ดาราและนายแบบชื่อดัง ถูกจับกุมร่วมกับพวกหลอกลวงนายเออาร์นี ออตตาวา ซาอ์ริมาอ์ นักลงทุนชาวฟินแลนด์ ให้ซื้อหุ้นของบริษัท เอ็กซ์เปย์ ซอฟท์แวร์ จำกัด, NX Chain Inc. และหุ้นของบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) ด้วยการโอนเงินสกุลบิทคอยน์ เป็นสกุลเงินดิจิทัลไปยังบัญชีของผู้ต้องหา คิดเป็นเงินไทยเกือบ 800 ล้านบาท เบื้องต้นถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ต่อมาตำรวจออกหมายเรียกแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์เพิ่มเติม 5 คน ประกอบด้วย นายบูม นายปริญญา จารวิจิต นายธนสิทธิ์ จารวิจิต พี่ชายทั้ง 2 คนของนายบูม นายชาคริส อาหมัด และนายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เจ้าพ่อตลาดหุ้น ให้เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป.วันที่ 29 ส.ค.นี้ แต่นายประสิทธิ์และนายชาคริสเข้าพบตำรวจก่อนกำหนด 1 วัน มีผู้เสียหายเข้าร่วมเจรจาตกลงกันได้ทั้ง 2 คน จะคืนเงินส่วนที่รับมาให้ผู้เสียหาย
ความคืบหน้าที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 ส.ค. นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม ดาราและนายแบบชื่อดัง พร้อมด้วยนายธนสิทธิ์ จารวิจิต พี่ชาย และทนายความส่วนตัว เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.กำธร นิยม สว.สอบสวน กก.1 บก.ป. ตามกำหนดหมายเรียกที่พนักงานสอบสวนได้ส่งหมายเรียกตัวให้มาพบก่อนหน้านี้ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในความผิดฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์” จากกรณีหลอกนายเออาร์นี ออตตาวา ซาอ์ริมาอ์ ชาวฟินแลนด์ลงทุนซื้อหุ้นด้วยเงินสกุลบิทคอยน์ จำนวนเกือบ 800 ล้านบาท ใช้เวลาสอบสวนนาน 2 ชั่วโมง
...
นายจิรัชพิสิษฐ์กล่าวว่า มาตามหมายเรียกที่พนักงานสอบสวนเชิญตัวมารับทราบข้อกล่าวหา ส่วนเรื่องคำให้การตนขอให้การปฏิเสธและยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดร่วมกับนายปริญญาพี่ชาย ที่ผ่านมาหลังจากเกิดเรื่องยังไม่ได้มีการติดต่อหรือพูดคุยกับนายปริญญาแต่อย่างใด ขณะที่นายธนสิทธิ์หลังจากเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเสร็จสิ้นแล้ว รีบไปขึ้นรถเดินทางกลับออกจากกองปราบฯ ไปทันที ขอปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์รายละเอียดของคดี
ด้าน พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป.กล่าวภายหลังสอบปากคำนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือ บูม ดารานักแสดง และนายธนสิทธิ์ จารวิจิต พี่ชายว่า วันนี้ออกหมายเรียกให้ทั้งคู่มารับทราบข้อกล่าวหา “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์” หลังเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนทราบว่าทั้งคู่ร่วมกับนายปริญญาพี่ชายคนโตเดินทางไป เจรจาชักชวนนายเออาร์นีนำเงินบิทคอยน์มาร่วมลงทุนด้วย โดยใช้ความเป็นดารานักแสดงพอมีชื่อเสียงของนายบูมมาร่วมชักจูงใจ อย่างไรก็ตาม พบว่าครอบครัวจารวิจิตได้เงินจากนายเออาร์นีเกือบ 500 ล้านบาท
“นายสุวิทย์ จารวิจิต และนางเลิศฉัตรกมล จารวิจิต บิดาและมารดานายจิรัชพิสิษฐ์ ขณะนี้พนักงานสอบเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกในคดีร่วมกันฟอกเงิน หลังเรียกทั้งคู่มาให้ปากคำในฐานะพยานก่อนหน้านี้ แต่ทั้งคู่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร โดยให้การว่าเงินจำนวน 90 ล้านบาท ที่นายปริญญาโอนมาให้นั้นเป็นเงินที่มาจากการทำธุรกิจของครอบครัวทั้งอสังหาริมทรัพย์และร้านอาหาร ตรวจสอบแล้วพบว่าครอบครัวนี้มีเพียงธุรกิจร้านอาหารที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ร้านเดียว รายได้ตกวันละ 5,000 บาทเท่านั้น แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเงินโอนเข้าออกบัญชีหลายสิบล้านบาท” รอง ผบก.ป.กล่าว
พ.ต.อ.ชาคริตเผยต่ออีกว่า ส่วนกรณีที่นายปริญญาส่งจดหมายชี้แจงมายังพนักงานสอบสวนนั้นยังยืนยันคำเดิมว่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถนำมาพิจารณาได้ เนื่องจากต้องให้นายปริญญามารับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวนด้วยตัวเอง การส่งจดหมายมานั้นไม่มีผลทางคดีแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามเร็วๆนี้จะมีการออกหมายจับนายปริญญาข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์และร่วมกันฟอกเงินอย่างแน่นอน