กลายเป็นประเด็นที่ทำให้ประชาชนกลับมาสนใจอีกครั้ง หลังศาลอุทธรณ์นัดฟังคำพิพากษา คดีจ้างวานฆ่าเอ็กซ์ จักกฤษณ์ อดีตนักยิงปืนทีมชาติ ที่เป็นข่าวดังตั้งแต่ปี 2556
สำหรับคดีดังกล่าว ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในขณะนั้น เนื่องจากผู้เสียชีวิตเป็นนักกีฬาทีมชาติที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง โดยมีผู้จ้างวานฆ่าเป็นคนใกล้ชิดและไว้ใจที่สุดของผู้ตาย ทั้งนี้ ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ขอย้อนรอยต้นเหตุคดีสะเทือนขวัญอีกครั้ง ดังต่อไปนี้
11 กรกฎาคม 2556
นายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม หรือ เอ็กซ์ นักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ปรากฏเป็นข่าวอื้อฉาว หลังถูกมารดาแท้ๆ ของตัวเอง และ แพทย์หญิงนิธิวดี ภู่เจริญยศ หรือ หมอนิ่ม ภรรยาเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.มีนบุรี ว่าถูกทำร้ายร่างกายและใช้ปืนข่มขู่ เอ็กซ์ถูกตำรวจจับกุมโดยแจ้ง 8 ข้อหา และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีเงื่อนไขห้ามพกปืน
19 สิงหาคม 2556
คดีถูกโอนไปยังศาลทหารสูงสุด กระทรวงกลาโหม และมีการยื่นขอประกันตัวเป็นครั้งที่ 4 กระทั่งศาลอนุญาตให้ปล่อยตัว เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ชั่วคราว หลังจากหมอนิ่มคัดค้านมา 3 ครั้ง
หลังออกจากเรือนจำแล้ว เอ็กซ์ ได้ปรึกษาปัญหาครอบครัวและเคยเปรยกับพยานสำคัญรายหนึ่งว่า "จะมีลมหายใจอยู่ถึงเมื่อไรยังไม่รู้" ส่วนทางคนในครอบครัวของหมอนิ่ม ก็เคยทะเลาะเบาะแว้งกับเอ็กซ์ แล้วเคยชี้หน้าด่าทอและเคยถูกขู่ฆ่าเอาชีวิตกัน
...
4 กันยายน 2556
เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ แจ้งความว่า ถูกภรรยาลักลอบขนทรัพย์สินในตู้นิรภัย ที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาสุขาภิบาล 3 ทั้งที่เคยตกลงกับธนาคารไว้แล้วว่า เอ็กซ์ เพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถเปิดตู้นิรภัยนี้ได้ แต่ทางธนาคารกลับยินยอมให้ภรรยาเข้าไปเปิดตู้โดยไม่ต้องเซ็นเอกสารใดๆ ดังนั้นจึงเชื่อว่าน่าจะมีผู้ที่อยู่เบื้องหลังพยายามจะดิสเครดิต
19 กันยายน 2556
ความสัมพันธ์ในครอบครัวเริ่มกลับมาดีอีกครั้ง เมื่อเอ็กซ์นำดอกไม้ไปง้อและขอโทษ หมอนิ่ม โดยมีนางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นคนกลางช่วยไกล่เกลี่ย โดยหมอนิ่มยอมให้อภัย แต่ยังไม่พร้อมที่จะกลับไปอยู่เป็นครอบครัว โดยขอใช้เวลาพิสูจน์ตัวเอง
19 ตุลาคม 2556
เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ถูกคนร้ายขี่มอเตอร์ไซค์ ประกบยิงคารถปอร์เช่สีดำ บริเวณหน้าวัดบางเพ็งใต้ สุขาภิบาล 3 เขตมีนบุรี ซึ่งทาง หมอนิ่ม พอได้รับรู้ข่าวนี้ก็รีบมายังที่เกิดเหตุภายใน 5 นาที พร้อมกับช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลเสรีรักษ์ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
21 ตุลาคม 2556
หมอนิ่ม เข้าให้ปากคำอีกครั้ง ยืนยันไม่ทราบสาเหตุการสังหาร และไม่ติดใจการเสียชีวิตของสามี โดยชี้แจงถึงสาเหตุที่ทำให้ไปถึงจุดเกิดเหตุเร็ว เพราะสาวใช้ที่นั่งมาในรถกับเอ็กซ์โทรศัพท์หา และบ้านของเธอกับจุดเกิดเหตุอยู่ไม่ไกลกัน ซึ่งตำรวจไม่สงสัยคำให้การของหมอนิ่มเพราะสอดคล้องกับคำให้การของสาวใช้
แต่ถัดมาเพียง 2 วัน ตำรวจก็ตัดประเด็นยาเสพติด, พระเครื่อง และปัญหาในสมาคมยิงปืนทิ้ง โดยให้น้ำหนักไปที่ปัญหาความขัดแย้งภายในครอบครัว หลังพบข้อพิรุธหลายอย่าง
24 ตุลาคม 2556
หมอนิ่ม ถูกเรียกตัวมาสอบปากคำเป็นครั้งที่ 3 ข้อสงสัยอยู่ที่การใช้โทรศัพท์มือถือ ที่หมอนิ่มปกปิดว่ามี 2 เครื่อง โดยให้การว่าเป็นเบอร์ที่ใช้ส่วนตัว ไม่เคยเปิดเผยให้ใครทราบแม้แต่คนใกล้ชิด ชุดสืบสวนพบข้อมูลหลายอย่างที่แสดงให้เห็นถึงรอยร้าวของเอ็กซ์กับครอบครัวของหมอนิ่ม และพบว่าก่อนหน้าที่จะเสียชีวิตเพียงวันเดียว เอ็กซ์ เตรียมที่จะแถลงข่าวเปิดโปงคนที่อยู่เบื้องหลังการนำทรัพย์สินออกจากตู้เซฟ
...
26 ตุลาคม 2556
พยานปากสำคัญให้ข้อมูลกับตำรวจ ว่าก่อนที่เอ็กซ์จะเสียชีวิตเพียง 4 วัน ได้มีปากเสียงกับหมอนิ่มอย่างรุนแรง และมีการพยายามจะทำร้ายหมอนิ่ม ซึ่งหมอนิ่มชี้แจงว่าเป็นเรื่องการหึงหวงที่เกิดจากความเข้าใจผิด และไม่ได้มีการใช้ความรุนแรง โดยตำรวจเริ่มตั้งข้อสันนิษฐานว่า คนใกล้ตัวหมอนิ่มน่าจะเป็นผู้บงการ เพราะทนกับพฤติกรรมของเอ็กซ์ไม่ไหว
28 ตุลาคม 2556
ข้อมูลใหม่ที่ตำรวจพบ คือ มือปืนที่ก่อเหตุยิงเอ็กซ์ ไม่ได้ขี่รถสะกดรอยตาม แต่กลับเป็นการส่งสัญญาณแล้วยิง ซึ่งหมายความว่ามีคนในครอบครัวที่รู้ความเคลื่อนไหวของเอ็กซ์ เป็นผู้บอกข้อมูลให้กับคนร้าย
5 พฤศจิกายน 2556
ชุดสืบสวนพบเบาะแสผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าเป็นทีมสังหาร จากหลักฐานสำคัญคือภาพวงจรปิด และการติดต่อระหว่างกันของผู้ต้องหา ก่อนที่ตำรวจจะสามารถติดตามจับกุม นายจิรศักดิ์ กลิ่นคล้าย มือปืนที่ลอบสังหารเอ็กซ์ ได้เป็นคนแรก
...
9 พฤศจิกายน 2556
จิรศักดิ์ มือสังหาร สารภาพว่าร่วมกับ นายธวัชชัย เพชรโชติ ยิงเอ็กซ์จริง โดยได้รับการว่าจ้างจาก นายสันติ ทองเสน หรือ ทนายอี๊ด ซึ่งรับงานจัดหามือปืนมาจาก นางสาววรพรรณภูรี มนตรีอารีกุล หรือ เจ๊แหม่ม คนสนิทครอบครัวหมอนิ่ม ที่ให้การซัดทอดว่า นางสุรางค์ ดวงจินดา มารดาของหมอนิ่ม ว่าจ้างให้ “จัดการ” กับเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ด้วยเงิน 1 ล้าน 2 แสนบาท
10 พฤศจิกายน 2556
ศาลจังหวัดมีนบุรี อนุมัติหมายจับแพทย์หญิงนิธิวดี และนางสุรางค์ ในข้อหาร่วมกันจ้างวานฆ่า ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินทางเข้ามอบตัวในวันที่ 11 พฤศจิกายน นางสุรางค์ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้บงการสั่งฆ่าลูกเขยจริง เพราะความเจ็บแค้นที่ทำร้าย "หมอนิ่ม" ลูกสาวคนเดียว จนแท้งลูก
อย่างไรก็ตาม ตำรวจใช้เวลาแกะรอยเพียง 20 วัน ก็สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้เกือบทั้งหมด แม้ในครั้งแรกตำรวจเกือบที่จะหลงประเด็น เพราะความแนบเนียนของคนใกล้ตัวของผู้ตาย ที่มีการวางแผนอย่างรัดกุม.