ไอ้โก้” ฆ่าโหด “เชอรี่” นักธุรกิจสาว ยังไร้วี่แววจับได้ ตำรวจเผยจ่อออกหมายเรียกน้องชายนายโก้พาผู้ต้องหาหนีซุกเขมร วันจันทร์ที่ 6 ส.ค.นี้ ญาติคนตายจี้ให้ตำรวจสอบข้อความไลน์ของผู้ต้องหาชวนเหยื่อลงทุนทำธุรกิจติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์อาจวางแผนตุ๋นเงินเป็นขบวนการ แฉผู้ประกอบการบ่อนกาสิโนในกัมพูชายัวะคนร้ายก่อคดีร้ายแรงชอบมากบดาน ให้เพิ่มค่าหัวคนนำจับกว่า 3 แสนบาท ช่วยเหลือทางการ

กรณีพบศพ น.ส.ธิติมา หรือเชอรี่ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ อายุ 39 ปี นักธุรกิจสาว กรรมการผู้จัดการ บริษัทมหาเกียรติ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ประกอบธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์และขนส่งรายใหญ่ รวมถึงเป็นเจ้าของ กิจการปั๊มน้ำมันอีก 3 แห่ง ภายในห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่ง ในซอยประดิษฐ์มนูธรรม 19 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายจับนายอัศยา หรือโก้ ชัยภา อายุ 33 ปี ลูกน้องคนสนิทของผู้ตาย ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและลัก ทรัพย์ในเวลากลางคืน คาดผู้ต้องหาหนีออกนอกประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติชายแดนด้านบ้านผักกาด หมู่ 4 ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เข้าประเทศกัมพูชา มีหลักฐานเป็นภาพวงจรปิดจับภาพนายอัศยาปกปิดใบหน้าและน้องชาย บริเวณลานจอดรถจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด และในโรงแรมแห่งหนึ่งฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งติดตามจับกุม

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 4 ส.ค. พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.4 เผยว่า ขณะนี้ ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จ.จันทบุรี อยู่ระหว่างลงพื้นที่ติดตามจับกุมผู้ต้องหา ได้รับความร่วมมือจากประเทศกัมพูชาเป็นอย่างดี แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่พบนายอัศยา ตำรวจคาดว่ามีคนคอยให้การช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน พร้อมฝากไปถึงญาติพี่น้องของนายอัศยาว่า หากติดต่อผู้ต้องหาได้ให้ช่วยเกลี้ยกล่อมเข้ามอบตัว เนื่องจากการหลบหนีไม่ใช่ทางออก ส่วนการรวบรวมพยานหลักฐาน ขณะนี้เจ้าหน้าที่เก็บทั้งพยานวัตถุพยานบุคคลและรายละเอียดต่างๆของคดีไว้ได้ครบถ้วนเกือบทั้งหมดแล้ว แต่ต้องรอหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์บางส่วน ขอให้มั่นใจหากได้ตัวผู้ต้องหามาแล้วจะสามารถดำเนินคดีได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์

...

ขณะที่มีรายงานว่า หลังจากเมื่อวันที่ 3 ส.ค. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการประสานกับทางการกัมพูชาให้ช่วยติดตามจับกุมนายอัศยาผู้ต้องหาฆ่า น.ส.ธิติมา หรือเชอรี่ นักธุรกิจสาว และยังหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายโดยไม่ได้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองอย่างถูกต้อง โดยผู้ประกอบการบ่อนกาสิโนในกัมพูชา ที่ผู้ต้องหาหลบหนีเข้าไปพักในโรงแรม กล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้และคาดว่าผู้ต้องหาหลบหนีออกไปแล้ว ได้ตั้งรางวัลนำจับช่วยเหลือทางการ 50,000 บาท มีรายงานว่า ล่าสุดมีการเพิ่มเงินรางวัลนำจับเป็น 1 หมื่นดอลลาร์ หรือประมาณ 3 แสน 3 หมื่นบาท เนื่องจากผู้ต้องหาก่อคดีร้ายแรงชอบหนีมากบดานทำให้เสียชื่อเสียง

ด้าน พ.ต.ท.พสิษฐ์ สายชนม์ศักดิ์ รอง ผกก. (สอบสวน) สน.โชคชัย กล่าวถึงความคืบหน้าคดีว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและเร่งติดตามตัวผู้ต้องหา แต่จากการข่าวล่าสุด ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีความเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตามวันจันทร์ที่ 6 ส.ค.นี้ เตรียมจะออกหมายเรียกนายอนุวัฒน์ ชัยภา อายุ 32 ปี น้องชายนายอัศยา เข้ามาพบพนักงานสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ น.ส.ธิติมาหรือไม่ เนื่องจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณลานจอดรถจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด สามารถจับภาพนายอัศนัยและน้องชายไว้ได้ อย่างไรก็ตาม ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าพฤติกรรมเข้าข่ายความผิดฐานพาผู้ต้องหลบหนีหรือไม่ หากไม่มาตามกำหนดครบ 2 ครั้ง จะดำเนินการออกหมายจับตามขั้นตอนต่อไป

พ.ต.ท.พสิษฐ์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณี น.ส.รุจี ประภาสะวัต อายุ 31 ปี อดีตภรรยานายอัศยา หรือ โก้ ชัยภา พร้อมนายดำรง ประภาสะวัต บิดา เข้าให้ข้อมูลส่วนตัวในฐานะพยานคดีเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดการสอบปากคำได้ เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกับสำนวนคดี ส่วนหลักฐานข้อความแชตผ่านแอปพลิเคชันไลน์ของผู้ตายและเอกสาร ที่นายพิพัฒน์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ อายุ 36 ปี และนายบัณฑิต ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ อายุ 30 ปี น้องชายผู้ตายมามอบให้กับพนักงานสอบสวน จากการตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่าเป็นข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทแห่งหนึ่ง จดทะเบียนเป็นบริษัทเกี่ยวกับการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ ที่นายอัศยาเคยเป็นพนักงานบริษัทนี้มาก่อน และเคยชักชวน น.ส.ธิติมาให้ร่วมลงทุน ญาติของผู้เสียชีวิตขอให้ตรวจสอบว่ามีส่วนรู้เห็นกับการเสียชีวิตหรือไม่ เพราะญาติเชื่อว่านายอัศยามีการวางแผนมาก่อนล่วงหน้า และเชื่อว่าอาจทำเป็นขบวนการข้อมูล ดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ