จิตแพทย์ เผย กรณี 13 ชีวิตทีมหมูป่านั่งสมาธิระหว่างติดอยู่ในถ้ำหลวง เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย จิตใจ และสมอง ทำให้ความอดทนมากขึ้น ลดความฟุ้งซ่าน ชมโค้ชเอกมีความรับผิดชอบ-เป็นมืออาชีพ...

เมื่อวันที่ 5 ก.ค.2561 พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะจิตแพทย์ กล่าวถึงกรณีนักเตะและโค้ชทั้ง 13 คนใช้วิธีการนั่งสมาธิระหว่างอยู่ในถ้ำหลวง ว่า การนั่งสมาธิ ถือเป็นส่วนหนึ่งในการบำบัดอาการต่างๆรวมทั้งทำให้มีสติ ซึ่งมีงานวิจัยรองรับจำนวนมากว่าการฝึกสมาธิ ทำให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย จิตใจ และสมอง ทำให้สมองส่วนทำงานด้านอารมณ์ลดลง และทำให้สมองส่วนเหตุและผลมีมากขึ้นเพราะมีสติให้นั่นเอง

จิตแพทย์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการควบคุมความหิว อาจเป็นผลมาจากการฝึกสมาธิทำให้มีความอดทนมากขึ้น ลดความฟุ้งซ่าน ซึ่งหากพิจารณาแล้วจะเห็นว่าการติดอยู่ในถ้ำหรือในเหตุการณ์วิกฤตต่างๆหากช่วงระยะแรกที่เกิดวิกฤต จะเป็นภาวะช็อก ตึงตัวทันทีว่าจะเกิดอันตราย มีความตื่นตระหนก กระวนกระวาย ฟุ้งซ่าน ว่าติดอยู่ในภาวะวิกฤติ ต่อมาในระยะ 3-4วัน จะยิ่งรู้สึกเกิดความกังวล ว่าจะออกไปได้หรือไม่ได้ มีความคิดว่าจะหมดหวังหรือมีหวัง เพราะเริ่มอยู่นานขึ้นร่างกายอ่อนแอ อ่อนเพลียลง 


“กรณีนี้ต้องชื่นชมโค้ชมากๆ เนื่องจากมีประสบการณ์ที่ดี เป็นมืออาชีพที่สามารถช่วยน้องๆ และยังมีประสบการณ์ที่ดีในเรื่องการฝึกสมาธิ และยังนำฝึกสมาธิ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีการฝึกสมาธิ ก็จะทำให้เกิดสติ และร่างกายอดทนมากขึ้น ส่วนที่ว่าควบคุมความหิวได้นั้น อาจเป็นเพราะร่างกายไม่ได้ขยับมาก ไม่ได้ใช้พลังงาน ร่วมกับมีความอดทนเพิ่มขึ้น เพราะปกติคนนั่งสมาธิ นอกจากมีสติแล้วก็จะเพิ่มเรื่องความอดทนมากกว่าคนอื่นๆ” พญ.พรรณพิมล กล่าว 

...

ผู้สื่อข่าวถามว่า ควรนั่งสมาธิอย่างไรให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจ หรือสามารถควบคุมอารมณ์ได้ พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่ปกติการนั่งสมาธิก็คล้ายๆการออกกำลังกาย ไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธินานๆก็ได้นั่งวันละ 5-10 นาทีก็พอ ส่วนช่วงเวลาที่ก่อประโยชน์ คือ เวลาที่เรามีความพร้อม หรือจิตใจสงบ ส่วนช่วงก่อนนอนก็ถือว่าเหมาะสม เพราะจะช่วยเสริมให้เกิดการนอนอย่างเต็มที่ได้ แต่การทำสมาธิมากไปก็เป็นผลลบได้

เมื่อถามว่าจะมีการดูแลสภาพจิตใจของโค้ชอย่างไรเพราะหลายคนกังวลว่า จะเกิดการโทษตนเอง จิตแพทย์ กล่าวว่า จริงๆต้องดูแลสภาพจิตใจทุกคน แต่ละคนก็จะแตกต่างกัน ในส่วนของโค้ช แน่นอนว่า อาจเกิดความรู้สึกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตัวเองต้องรับผิดชอบ แต่จริงๆแล้วสิ่งที่เกิดขึ้น ถือว่าโค้ชมีความรับผิดชอบมาก ดูแลเด็กๆดีมาก และก็ไม่อยากให้ไปคิดถึงว่า ทำไมเหตุการณ์วันนั้น ไม่ทำแบบนี้ ไม่ทำแบบนั้น ซึ่งไม่ถูกต้อง ไม่มีใครอยากให้เกิด เราควรมองเรื่องนี้เป็นบทเรียนและก้าวไปข้างหน้าดีกว่า.