สมาพันธ์ทนายความแห่งประเทศไทย แห่แจ้งความพนักงานสอบสวนกองปราบฯ ให้ดำเนินคดีตำรวจกองปราบฯชุดจับกุม “สุกิจ พูนศรีเกษม” กล่าวหาทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ ถ้าไม่รับทำคดีจะแจ้ง ป.ป.ช.ต่อไป “เลขาฯสภาทนาย” วอนทนายทั่วประเทศให้ใจเย็น เกรงกระทบกระบวนการยุติธรรม ส่งคนประสานให้นายกสภาทนายเข้าพูดคุยปรับความเข้าใจกับ “บิ๊กแป๊ะ” ก่อนมีมาตรการต่อไป

กรณีตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) บุกจับกุมนายสุกิจ พูนศรีเกษม ทนายความ ขณะพา น.ส.แสงสุริยเทพ พระมหาสุริยา อายุ 49 ปี หรือร่างทรง 4 จี แจ้งความดำเนินคดีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่ สน.พหลโยธิน ตามหมายจับศาลจังหวัดแม่สอด เลขที่ จ.93/2561 ลงวันที่ 24 พ.ค.2561 ข้อหาเกี่ยวกับการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ 3 ข้อหา และมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครอง 1 ข้อหา เมื่อภาพการจับกุมเผยแพร่ออกไปสร้างความไม่พอใจ ให้ทนายความทั่วประเทศ จนสภาทนายความออกมาแถลงข่าวตำหนิการทำงานของตำรวจชุดจับกุมว่าทำเกินกว่าเหตุ ขณะที่ตำรวจยังยืนยันว่าทำถูกต้องตามขั้นตอน ที่มีภาพความรุนแรงเนื่องจากนายสุกิจขัดขวางการจับกุมตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าจากกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 21 มิ.ย. นายวรกร พงศ์ธนากุล ประธานสมาพันธ์ทนายความแห่งประเทศ ไทย พร้อมที่ปรึกษาฯและทนายความกว่า 10 คน เข้าพบ พ.ต.ท.สุรจิต ชะระ สว. (สอบสวน) กก.1 บก.ป.ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับ พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป.และตำรวจชุดจับกุมนายสุกิจ พูนศรีเกษม ที่ สน.พหลโยธิน เนื่องจากเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าความจำเป็น นายวรกรกล่าวว่า การเข้าจับกุมนายสุกิจตามที่ปรากฏคลิปภาพสื่อมวลชนถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก เป็นการกระทำที่รุนแรง มีการฉุดแขน ดึงรั้ง กระชาก กดตัวให้คว่ำหน้า นั่งชันเข่าทับศีรษะเพื่อใส่กุญแจมือ หลังควบคุมตัวผู้ต้องหาแล้ว และอยู่ในสถานที่ราชการ นอกจากนี้นายสุกิจอายุมาก ร่างกายไม่แข็งแรงคือ รูปร่างอ้วน เจ้าหน้าที่กลับลุแก่อำนาจละเมิดสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 29 วรรค 3

...

ที่สภาทนายความ ว่าที่ พ.ต.สมบัติ วงศ์กำแหง โฆษกสภาทนายความฯ เผยว่า การที่ ว่าที่ ร.ต.ถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความและผู้บริหารสภาทนายความออกมาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. เป็นการสะท้อนความรู้สึกของทนายความทั่วประเทศ ที่ไม่สบายใจกับการกระทำต่อผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ เพราะเป็นการกระทำที่เกินกว่าที่จำเป็น อย่างไรก็ตาม สภาทนายความไม่ต้องการให้เหตุการณ์นี้กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว กระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ทุกฝ่ายในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อองค์กร ตำรวจและทนายความ สภาทนายความต้องการให้กระบวนการยุติธรรมเคารพสิทธิของประชาชนทุกสาขาอาชีพ แม้ตำรวจอาจถูกยั่วยุแต่ไม่มีสิทธิทำรุนแรงเกินกว่าความจำเป็น ส่วนตัวรู้สึกเห็นใจตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา แต่ไม่เห็นด้วยกับการตอบโต้หรือท้าทายกันไปมา สำหรับสถานะของนายสุกิจยังถือว่าเป็นทนายความ เพียงแต่ถูกพักใบอนุญาต ยังว่าความในศาลไม่ได้ 2 ปี

ด้านนายสรัลชา ศรีชลวัฒนา เลขาธิการสภาทนายความ กล่าวว่า เรื่องนี้ ว่าที่ ร.ต.ถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความ ประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเข้าพบพูดคุยประเด็นดังกล่าวไม่ให้เรื่องบานปลาย เนื่องจากทนายความทั่วประเทศมีทีท่าไม่พอใจ ทนายความจำนวนมากส่งหนังสือเเละข้อความมา ส่วนจะเป็นวันไหนต้องดูรายละเอียดจากคณะทำงานที่เป็นผู้ประสานอีกที นอกจากกรณีนี้เเล้วจะคุยเรื่องการทำงานเเละข้อขัดข้องที่จะต้องทำงานร่วมกันอื่นๆด้วย คาดว่าก่อนประชุมคณะทำงานประจำเดือนของสภาทนายความทั้ง 25 คน จะนำเรื่องนี้มาพิจารณาวันที่ 29 มิ.ย. อาจได้ผลการพูดคุยเจรจาของผู้นำทั้ง 2 องค์กร มาประกอบการพิจารณาก่อนมีมติเเละท่าทีต่อไป

เลขาธิการสภาทนายความกล่าวต่อไปว่า ตอนนี้อาจเป็นช่วงที่สถานการณ์ยังร้อน เเต่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าเราทำอะไรไปเลยโดยไม่คิดก่อน บอยคอตไม่ส่งทนายไปร่วมสอบสวนจะกระทบต่องานยุติธรรมอย่างมาก ประชาชนเดือดร้อน อยากให้เพื่อนทนายทั่วประเทศรู้ไว้ว่า ไม่ใช่เราไม่ทำอะไรเลย แต่ต้องมองหลายด้าน ตำรวจเองคงรู้ว่าทำอะไรลงไป ทั้งทนายเเละตำรวจมีคนดีและไม่ดีอยู่ในองค์กร เมื่อถามถึงการที่ ผบ.ตร.ระบุว่า เจ้าหน้าที่กระทำตามกฎหมาย นายสรัลชากล่าวว่า ตรงนี้แหละที่ทำให้ทนายความทั่วประเทศข้องใจว่าทำไม ผบ.ตร.ไม่ตำหนิลูกน้อง เเม้กฎหมายจะเขียนไว้ ต้องดูด้วยว่าการกระทำสมควรเหมาะสมพอดีหรือไม่ ต้องดูลึกๆ ผบ.ตร.ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ อย่ามัวเเต่ฟังลูกน้องใกล้ชิด ตรงนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีควรอบรมลูกน้อง