เป็นหัวข้อที่จำเป็นอย่างยิ่ง กับการนำมาพาดพิงพูดถึงในรอบสัปดาห์ ...อ๊ะๆ... จะบอกว่าเรื่องผัวๆ เมียๆ ประเด็นรักร้าวใต้เตียงชาวบ้าน เป็นเรื่องไร้สาระคงไม่ได้แล้ว เพราะวัดระดับจากการติดตามข่าวสารเกือบจะทุกประเภท "เรื่องชาวบ้าน ผัวๆ เมียๆ ดารานักแสดง" มีผู้ที่สนใจติดตามอ่านเยอะต่อเนื่องยาวนาน
โดยเฉพาะ "สัมพันธ์รักลึกซึ้ง" สนุกจนเลยเถิด เกิดมีเจ้าตัวน้อยโผล่มาเป็นโซ่ทองคล้องใจพ่อแม่...แต่แล้วเรื่องแย่ๆ ก็บังเกิดเมื่อฝ่ายชายแสดงท่าที "ไม่แมน" ปัดความรับผิดชอบ ไม่ขอแต่งงานอยู่กินกับฝ่ายหญิงซะงั้น ... หันหน้าพึ่งใครดี ดำเนินคดีตามกฎหมายได้มั้ย? ลองไปปรึกษาคุณตำรวจโรงพักใกล้บ้านดีกว่า
พ.ต.อ.บุญส่งวิทย์ ห้องแซง ผกก.สภ.แม่ริม บอกกับเราว่า "หากผู้หญิงมีอายุ 18 ปี ขึ้นไป ไม่สามารถแจ้งความได้ครับ เพราะถือว่าพ้นคดีอาญาตามกฎหมาย เว้นแต่ผู้หญิงคนนั้นถูกข่มขืนกระทำชำเรา หรืออายุต่ำกว่า 18 ปี ดังนั้นกฎหมายคดีอาญา จึงไม่สามารถเอาผิดได้ เว้นแต่ผู้เสียหายต้องไปฟ้องร้องเป็นคดีแพ่งและพิสูจน์ความจริงกันในชั้นศาล"
...ครับ ที่ผ่านมาตั้งแต่ผมรับราชการเป็นตำรวจ ยังไม่เคยมีผู้เสียหายที่เป็นผู้หญิงบรรลุนิติภาวะแล้ว มาแจ้งความในลักษณะนี้ แต่หากเป็นคดีข่มขืนกระทำชำเรา อันนี้ตำรวจสามารถรับคดีได้ อย่างไรก็ตาม คงต้องแนะนำผู้เสียหาย ให้ปรึกษากับนักกฎหมาย ทนายความ เพื่อดำเนินการคดีแพ่งนะครับ
...
โอเคค่ะ...หากทางคดีอาญาเอาผิดผู้ชายไม่ได้ งั้นเราลองไปปรึกษาคุณทนายความกันดูว่า จะมีข้อแนะนำอย่างไร เพื่อปกป้องสิทธิสตรี ผู้หญิงอย่างเราๆ
นายพีรนัทธ์ วงศ์สวัสดิ์ หรือ ทนายเพลิง อธิบายข้อมูลให้ฟังดังนี้ค่ะ ผู้ชายจะถูกดำเนินคดีอาญาก็ต่อเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จะท้องหรือไม่ก็ตาม แจ้งความดำเนินคดีได้หมด แต่หากบรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่สามารถเอาผิดได้
เด็กในท้อง จะยังเป็นบุตรไม่ชอบด้วยกฎหมายของฝ่ายชาย
"ในกรณีที่ผู้หญิงตั้งท้อง โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับฝ่ายชาย กระทั่งถูกฝ่ายชายทอดทิ้งไป หากจะฟ้องดำเนินคดีเรียกค่าเลี้ยงดู จะให้ข้อคิดทางกฎหมายว่า เด็กที่เกิดนั้นเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของฝ่ายหญิง แต่เป็นบุตรไม่ชอบด้วยกฎหมายของฝ่ายชาย ชายที่ทิ้งไป ยังไม่ต้องจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรตามกฎหมาย จนกว่าหญิงจะดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลให้เด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของชายที่เป็นพ่อเด็กเสียก่อน จึงจะมีสิทธิเรียกร้องเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรได้"
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1547 “เด็กเกิดจากบิดามารดาที่มิได้สมรสกัน จะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายต่อเมื่อบิดามารดาได้สมรสกันในภายหลัง หรือบิดาได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตร หรือศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร” การจดทะเบียนรับรองบุตรที่ถูกต้องนั้น สามีต้องไปทำการจดทะเบียนรับรองบุตรกับนายทะเบียนที่สำนักงานเขตหรือที่อำเภอ โดยมารดาเด็กและเด็กต้องให้ความยินยอม (เด็กต้องพูดให้ความยินยอม หากเด็กยังเล็กมากไม่สามารถให้ความยินยอมได้ก็อาจขอให้ศาลมีคำสั่งแทนคำยินยอมของเด็ก)
เด็กจึงเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา หรือถ้าคุณกับแฟนจดทะเบียนสมรสกัน หรือเมื่อศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร เด็กจะเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดาโดยมีผลย้อนหลังไปนับแต่วันที่เด็กเกิด
ฟ้องร้องอย่างไร เมื่อฝ่ายชายไม่เลี้ยงดู
เมื่อชายทิ้งไปไม่ส่งเสียเลี้ยงดูบุตร หญิงควรดำเนินการฟ้องศาลขอให้แฟนรับเด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยเหตุในการฟ้องคดีเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1555 “ในคดีฟ้องขอให้รับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
เมื่อมีเอกสารของบิดาแสดงว่าเด็กนั้นเป็นบุตรของตน, เมื่อปรากฏในทะเบียนคนเกิดว่าเด็กเป็นบุตรโดยมีหลักฐานว่าบิดาเป็นผู้แจ้งการเกิดหรือรู้เห็นยินยอมในการแจ้งนั้น, เมื่อบิดามารดาได้อยู่กินด้วยกันอย่างเปิดเผยในระยะเวลาซึ่งหญิงมารดาอาจตั้งครรภ์ได้
และเมื่อมีพฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบุตร พฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบุตรนั้น ให้พิจารณาข้อเท็จจริงที่แสดงความเกี่ยวข้องฉันบิดากับบุตรซึ่งปรากฏในระหว่างตัวเด็กกับครอบครัวที่เด็กอ้างว่าตนสังกัดอยู่ เช่น บิดาให้การศึกษา ให้ความอุปการะเลี้ยงดูหรือยอมให้เด็กนั้นใช้ชื่อสกุลของตนหรือโดยเหตุประการอื่น ในกรณีใดกรณีหนึ่งดังกล่าวข้างต้น ถ้าปรากฏว่าชายไม่อาจเป็นบิดาของเด็กนั้นได้ ให้ยกฟ้องเสีย
...
ทั้งนี้หญิงสามารถยื่นฟ้องชายต่อศาลเยาวชนและครอบครัวที่คุณมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลได้ โดยในคำฟ้องฉบับเดียวกันคุณสามารถฟ้องขอให้แฟนรับเด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายและเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูในคราวเดียวกัน อย่างไรก็ตาม หากชายเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของเด็กก็ย่อมมีอำนาจปกครองเด็ก ซึ่งต้องคิดถึงข้อนี้ด้วย