มหากาพย์ ปมทุจริตกินเงินทอนวัด 'ไอ้โม่ง' อิ่มจนพุงกาง 3 ลอต ทำเงินรัฐบาลสูญไปกว่า 340 ล้าน แล้วลอต 4 จะมีมูลค่าเพิ่มอีกเท่าไหร่
จากกรณีดัง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เดินหน้าตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัด ขณะนี้ ปปป.ได้ส่งสำนวนคดีให้สำนักงานการปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดแล้ว 3 ลอต ซึ่งพบว่า ตั้งแต่ลอตที่ 1 ถึง ลอตที่ 3 มีข้าราชการกลุ่มเดิมอยู่เบื้องหลัง การทุจริตงบประมาณกว่า 340 ล้านบาท สร้างความฮือฮาในสังคม เนื่องจากเป็นเงินจำนวนมหาศาล อีกทั้งกระแสที่ปูดๆ ออกมา เรื่องของการเตรียมจับทุจริตกินเงินวัดลอตที่ 4

ดังนั้น ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ขอพาย้อนรอย คดีฉาวดัง ทุจริตเงินทอนวัดทั้ง 3 ลอต
ลอตที่ 1 ตรวจสอบพบวัดที่ทุจริตเงินทอน จำนวน 12 วัด ซึ่งมีข้าราชการ พศ. และพลเรือนร่วมทุจริตจำนวน 10 คน พบมูลค่าความเสียหายจำนวนกว่า 60 ล้านบาท มีการทอนเงินกลับมายังผู้บริหารระดับสูง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ถึงร้อยละ 75 สำหรับวัดที่พบการทุจริตในลอตแรก มีดังนี้
วัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
วัดพระพุทธบาทตากผ้า จังหวัดลำพูน
วัดห้วยตาแกละ จังหวัดเพชรบุรี
วัดราชบุรณะ (วัดนอก) จังหวัดชุมพร
วัดโพธิ์ศรี, วัดโคกเลาะ, วัดพระศรีเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ
วัดวัฒนาราม, วัดหาดปู่ด้าย, วัดทุ่งต๋ำ, วัดบ้านอ้อ, วัดอุมลอง จังหวัดลำปาง
...

ลอตที่ 2 ตรวจสอบพบวัดที่ทุจริตเงินทอน จำนวน 23 วัด และ 1 ใน 23 วัด ยังพบว่ามีการทอนเงินกลับไปยังผู้บริหารระดับสูง พศ. มากสุดจำนวน 30 ล้านบาท น้อยสุดจำนวน 500,000 บาท โดยส่วนใหญ่เป็นวัดในเขตกรุงเทพมหานคร สำหรับวัดที่พบการทุจริตในลอตที่ 2 มีดังนี้
วัดสุวรรณาราม, วัดพิชยญาติการามฯ, วัดบำเพ็ญเหนือ, วัดดาวดึงษาราม, วัดราชสิทธารามฯ จังหวัดกรุงเทพมหานคร
วัดปากดงสามัคคีธรรม, วัดหนองสะเอ้ง, วัดรังงามปทุมรักษ์ จังหวัดนครสวรรค์
วัดลาดแค, วัดโคกสารสัจจธรรม, วัดญาณเมธี จังหวัดเพชรบูรณ์
วัดยางโองน้ำ, วัดยางโองสันกลาง, วัดยางโอนบน จังหวัดตาก
วัดดอนสะท้อน, วัดท้องตมใหญ่, วัดเล็บกระรอก จังหวัดชุมพร
วัดบางระกำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
วัดห้วยทรายขาว จังหวัดเชียงราย
วัดกวิศรารามฯ จังหวัดลพบุรี
วัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม
วัดศรีบุญนำ จังหวัดแพร่
วัดช้าง จังหวัดเพชรบุรี

ลอตที่ 3 เป็นลอตที่สร้างความฮือฮาให้กับสังคมและพุทธศาสนิกชนอย่างยิ่ง เนื่องจากการตรวจสอบพบทุจริตเงินทอนวัดดังใน กทม. 3 วัด คือ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดสัมพันธวงศาราม และวัดสามพระยา ส่วนข้าราชการ พศ.ที่ร่วมทุจริตก็ยังเป็นกลุ่มเดียวกับลอตที่ 1 ถึง 2 และลอตที่ 3 นับเป็นการตรวจสอบพระเถระชั้นผู้ใหญ่ถึง 5 รูป คือ
1.พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขโข) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
2.พระพรหมเมธี (จํานงค์ เอี่ยมอินทรา) วัดสัมพันธวงศาราม
3.พระพรหมดิลก (เอื้อน กลิ่นสาลี) วัดสามพระยา
4.พระราชอุปเสณาภรณ์ (สมณศักดิ์เดิมคือ พระเมธีสุทธิกร) (สังคม สังฆะพัฒน์) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
5.พระราชกิจจาภรณ์ (สมณศักดิ์เดิมคือ พระวิจิตรธรรมาภรณ์) (เทอด วงศ์ชะอุ่ม) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
6.พระอรรถกิจโสภณ (สมทรง อรรถกฤษณ์) วัดสามพระยา
7.พระศรีคุณาภรณ์ (บุญทวี คํามา) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

...
ทั้งนี้ มีราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ เรื่อง ถอดถอนสมณศักดิ์พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 7 รูป และที่โด่งดังที่สุด คงหนีไม่พ้นกรณี พระพรหมสิทธิ อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ซึ่งขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ ส่วนอีกรายคือ พระพรหมเมธี อดีตเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ซึ่งรายหลัง หลบหนีไปขอลี้ภัยที่ประเทศเยอรมนี ถึงขนาดที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผบ.ตร. พร้อมคณะต้องบินไปประสานทางการเยอรมนี เพื่อพยายามรับตัวกลับมา แต่ก็ยังไม่สามารถนำตัวกลับมาได้
เรื่องราวของคดีเงินทอนวัดที่ผ่านมา 3 ลอต มีมูลค่าความเสียหายเป็นเงินรวมกว่า 340 ล้านบาท โดนเป็นเงินที่มาจาก 3 งบประมาณ คือ งบบูรณปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด งบอุดหนุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม โดยวัดสระเกศฯ ถือเป็นวัดที่มีการทุจริตเงินทอนสูงที่สุดกว่า 150 ล้านบาท

...
ล่าสุด ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ได้พยายามสอบถาม พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บัญชาการ ปปป. ซึ่งทาง พล.ต.ต.กมล ระบุว่า ส่วนตัว ยังไม่สะดวกที่จะเปิดเผยรายชื่อวัดที่คาดว่าจะโดนแจ้งว่ามีส่วนพัวพันทุจริตเงินทอนวัดลอตที่ 4
สิ่งที่น่าคิด คือ ที่ผ่านมานอกจากพระชั้นผู้ใหญ่ระดับเจ้าอาวาสวัดดังหลายรูป จนไปถึงอดีตและ จนท.ระดับสูงของสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ โดนดำเนินคดีอาญาแผ่นดินจนถึงขั้นยึดทรัพย์มูลค่านับร้อยล้านบาท แต่การทุจริตทั้งหมดที่เกิดขึ้นคดีเงินทอนวัดที่ขยายวงจนใหญ่โต เป็นที่สนใจของประชาชนทั้งประเทศ อาจยังมีตัวบงการอยู่เบื้องหลัง หรือ 'ลอร์ดมาสเตอร์' ที่ยังไม่ถูกเปิดเผยอีกหรือไม่ ก็หวังว่ารัฐบาลจะใช้โอกาสนี้ปัดกวาดเช็ดถู "วงการสงฆ์" เพื่อให้วงการพระศาสนาได้สะอาดหมดจดเสียที ก็ไม่อยากให้ต้อง เสียของ อีก.