รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ปัด ดีเอสไอ จ่อนำกำลังเข้าค้นวัดธรรมกายภายในอาทิตย์นี้ เผย กำลังตรวจสอบต้นตอข่าวลือ ส่วนกรณีย้าย 'นายพิสิฐชัย' พ้นหน้าที่ ตั้งกรรมการสอบ ยัน จะดำเนินการให้ผลสอบออกมาเร็วที่สุด
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 มิ.ย.61 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ถึงกรณีมีข่าวลือ กรมสอบสวนคดีพิเศษเตรียมนำกำลังเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายในอาทิตย์นี้ หลังมีข่าวว่าพระธัมมชโย และพระทัตตชีโว อดีตเจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ยังพักอาศัยอยู่ภายในวัด ว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่ามีข่าวขึ้นมาได้อย่างไร กำลังตรวจสอบอยู่ว่าข่าวลือดังกล่าวมาจากไหน โดยเมื่อเช้าที่ผ่านมา ที่ประชุมดีเอสไอมีการพูดคุยกันเพียงเรื่องเดี่ยว คือ การสั่งให้ นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีภาษีอากร ดีเอสไอ พ้นหน้าที่ กรณีได้ลงข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า จะมีการจับกุมดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสวัดต่างๆ เช่น วัดปากน้ำภาษีเจริญ วัดพิชยญาติการามวรวิหาร วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และ วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร

...
โดยขณะนี้อธิบดีดีเอสไอได้มีคำสั่งให้นายพิสิฐชัยพ้นจากกองคดีภาษีอากร ไปปฏิบัติงานที่สำนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ โดยมีผลทันที และให้กองภาษีอากรตั้งคณะกรรมการสอบสวน พร้อมเชิญผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) มาให้ข้อมูลประกอบการพิจารณาว่าเป็นความผิดทางวินัยหรือทางอาญาหรือไม่ แล้วรายงานให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษทราบ รวมถึงความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วยหรือไม่
"ยอมรับว่าทางดีเอสไอไม่มีข้อมูลที่ตำรวจกองปราบปรามเรียกสอบปากคำนายพิสิฐชัย เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนตัวไม่ได้มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับนายพิสิฐชัยแต่อย่างใด จึงไม่ทราบว่าสิ่งที่โพสต์นั้นจะมีเจตนาอย่างไร ที่ผ่านมา นายพิสิฐชัย จะมีการเปิดเผยข้อมูลในสำนวนคดีที่รับผิดชอบกับบุคคลอื่นหรือไม่นั้นตนเองไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้ ขณะที่วันนี้ตนเองก็ยังไม่ได้รับแจ้งจากกองคดีภาษีอากรว่านายพิสิฐชัยมาทำงานหรือไม่" พ.ต.ต.วรณัน กล่าว
ต่อมาเวลา 11.00 น. คณะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ออกแถลงการณ์ถึงสื่อมวลชน โดยระบุว่า ดีเอสไอให้นายพิสิฐชัยพ้นหน้าที่ เปิดทางกองคดีภาษีอากรสอบข้อเท็จจริง

ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อต่างๆ กรณีนายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ กองคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ลงข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า จะมีการจับกุมดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสวัดต่างๆ เกี่ยวกับคดีเงินทอนวัด ซึ่งการดำเนินคดีอาญาในเรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ให้กองคดีภาษีอากรรายงานข้อเท็จจริงมาเพื่อดำเนินการนั้น
ในวันที่ 11 มิ.ย. ดีเอสไอได้มีคำสั่งให้ นายพิสิฐชัย พ้นหน้าที่จากกองคดีภาษีอากร ไปปฏิบัติงานที่สำนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ โดยมีผลทันที และให้กองภาษีอากรเชิญผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มาให้ข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาว่าเป็นความผิดทางวินัยหรือทางอาญาหรือไม่ แล้วรายงานให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษทราบโดยเร็ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายพิสิฐชัยได้โพสต์ข้อความล่าสุดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 10 มิ.ย. โดยระบุว่า ตามที่ข้าฯ ได้โพสต์เกี่ยวกับการดำเนินการกับวัดใหญ่ ในกรุงเทพฯ 4 วัด โดยข้าฯ ติดตามข่าวสารจากสื่อสารมวลชนต่างๆ แล้วเข้าใจผิดคลาดเคลื่อน จึขอแก้ไขข่าวว่า ไม่มีการดำเนินการตามที่โพสต์แต่อย่างใด วัดที่โพสต์ไปมีวัดปากน้ำ วัดพิชัยญาติฯ วัดบวรฯ วัดราชสิทธิฯ จึงขออภัยมา ณ โอกาสนี้
...
ด้าน พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวนั้นไม่ได้มาจากสำนวนคดีของตำรวจ บก.ปปป. และไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอคนดังกล่าวนำข้อมูลมาจากที่ใด แต่ในเบื้องต้น บก.ปปป.ไม่จำเป็นต้องเรียกเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวมาสอบสวน เพราะไม่มีบุคคลใดร้องทุกข์หรือแจ้งความเอาผิดกับกรณีที่มีการโพสต์ในลักษณะนี้
"ขณะที่การสอบสวนขยายผล เงินทอนวัดลอตที่ 4 ที่ตอนนี้ ชุดทำงานของ ปปป.ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานตามวัดทั่วประเทศ ซึ่งยังไม่สามารถให้รายละเอียดในขณะนี้ได้ เนื่องจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ยังไม่เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์เอาผิด กับตำรวจ ปปป.แต่อย่างใด" พล.ต.ต.กมล กล่าว.